บล.พาย (Pi) เปิดเผยว่า คาดการณ์ SET สัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1,690-1,715 จุด (วันพุธปิดทำการ) โดยให้ติดตามการรายงานภาวะเงินเฟ้อไทยในวันที่ 5 เม.ย. ซึ่ง Bloomberg คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 5.6%YoY และ 0.6%MoM หากออกมาเป็นไปตามที่ตลาดคาดหมายไว้ก็มองไม่มีผลกระทบมากนัก และเชื่อว่าทิศทางหลังจากนี้ควรจะดีขึ้นตามราคาน้ำมันดิบเข้าสู่ช่วงปรับฐาน
ขณะเดียวกัน ในวันดังกล่าวสหรัฐจะรายงาน PMI ซึ่งตลาดคาดที่ 58.6 และรายงานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC Minute) ในวันที่ 7 เม.ย.ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม เพราะหากรายงานผลการประชุมที่ส่งสัญญาณถึงความเข้มงวดนโยบายการเงินที่มากกว่าเดิมก็จะเป็นปัจจัยกดดันการลงทุน
ขณะที่วันศุกร์ที่ผ่านมาสหรัฐรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือน มี.ค. ที่ 4.3 แสนตำแหน่งต่ำกว่าตลาดคาดที่ 4.9 แสนตำแหน่งแต่อัตราการว่างงานออกมา 3.6% ดีกว่าคาดที่ 3.7% ด้านตลาดหุ้น Dow Jones ปิดบวก 0.4% ส่วนนึงเป็นไปได้ที่ตลาดคลายกังวลบางส่วนกับเงินเฟ้อ หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจไม่ร้อนแรง สะท้อนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 2 และ 10 ปีปรับตัวลงทั้งสองอายุ
และเป็นที่น่าสังเกตุว่าเข้า Inverted Yield Curve อีกครั้ง (2-10 Spread ติดลบ) ในอดีตที่ผ่านมาเมื่อเกิดสภาวะดังกล่าวมักตามมาด้วยเศรษฐกิจถดถอยหลังจากเกิด Inverted Yield Curve เป็นระยะเวลา 6-18 เดือน โดยได้ศึกษาเพิ่มเติมพบว่าอดีตที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 1975 เกิดภาวะดังกล่าวมาแล้ว 7 ครั้งและสูงถึง 6 ครั้งที่เกิดเศรษฐกิจถดถอยหรือคิดเป็นความน่าจะเป็น (85%) ดังนั้นไม่ควรประมาทกับการลงทุนจนเกินไปนัก
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้ เน้นเพิ่มการถือครองเงินสดหรือลดน้ำหนักการลงทุนเนื่องจากระดับ Valuation ที่ค่อนข้างสูง นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงสำหรับภาวะ Inverted Yield Curve ที่จะเป็นปัจจัยกดดันการลงทุนในช่วงถัดไป ส่วนหุ้นประจำสัปดาห์นี้แนะกลุ่มอุปโภคบริโภคที่ส่งผ่านต้นทุน อาทิ ค้าปลีก (BJC CPALL HMPRO GLOBAL) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT SPA) ปัจจัยบวกจากการเดินทางเข้าประเทศที่ง่ายมากขึ้น
HMPRO (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 17 บาท) คาด SSSG +5% ในปี 65 และ +4% ในปี 66 หนุนจากผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกับกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น Homepro Day, Homepro Super Expo กิจกรรมส่งเสริมการขายผ่านช่องทางออนไลน์ การปรับปรุงร้านค้าใหม่และโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
SPA (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 8.3 บาท) แม้ขาดทั้งปี 65 ผลประกอบการจะยังขาดทุน แต่เชื่อว่าราคาหุ้นปัจจุบันสะท้อนไปพอสมควรแล้ว และคาดหวังว่าครึ่งปีหลังจะเห็นการฟื้นตัวที่ดีขึ้นของการท่องเที่ยว หนุนจากการผ่อนคลายมาตรการต่างๆให้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยคาดปี 66 จะเริ่มกลับมามีกำไร
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 เม.ย. 65)
Tags: SET, SET Index, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, บล.พาย, หุ้นไทย