บล.พาย เก็ง SET แกว่งกรอบ 1,520-1,550 เกาะติดเลือกนายกฯ 27 ส.ค.-ประชุมเฟด

บล.พาย เปิดเผยว่า ประเมิน SET สัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1,520-1,550 จุด โดยแนะติดตามปัจจัยสำคัญในประเทศ คือ การเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 27 ก.ค. ข้อมูลล่าสุดพรรคก้าวไกลได้ระบุว่าเปิดทางให้กับพรรคเพื่อไทยขึ้นมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งล่าสุดพรรคเพื่อไทยระบุว่าอยู่ในระหว่างพูดคุยกับพรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล อย่างไรก็ตามหากพรรคเพื่อไทย จับมือกับพรรคภูมิใจไทยและพรรครวมไทยสร้างชาติก็มีความเป็นไปได้ที่พรรคก้าวไกลจะไม่ได้อยู่ในการจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากภูมิใจไทยระบุชัดเจนว่าไม่ต้องการร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล

ทั้งนี้ หากวันที่ 27 ก.ค. ได้นายกรัฐมนตรีเชื่อว่าตลาดหุ้นมีโอกาสตอบรับเชิงบวกระยะสั้น แต่ไม่ได้คาดหวัง Upside มาก สาเหตุเพราะเชื่อว่า SET Index รับรู้มาระดับนึงสะท้อนผ่านราคาหุ้น ADVANC GULF SIRI SC STEC และ SET ที่ปรับขึ้นมา 4.4% จากจุดต่ำสุดไปแล้ว

ปัจจัยต่างประเทศสำคัญ ได้แก่ การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทราบผลทางการในวันพฤหัสช่วงเช้าเวลาประเทศไทย CME FED Watch ให้น้ำหนัก 99.2% ที่ FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% อย่างไรก็ดี มองว่าประเด็นด้านดอกเบี้ยไม่มีผลมาก แต่ถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยและเงินเฟ้อจากนี้จะมีผลมากกว่า ซึ่งเราเชื่อว่ามีโอกาสที่ประธานเฟดจะส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงิน (Dovish) อาจไม่ถึงขั้นประกาศลดดอกเบี้ย แต่ก็เชื่อว่าจะไม่ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่ตลาดประเมินไว้ ด้วยเหตุผลดังนี้

1. เงินเฟ้อสหรัฐฯทั้งเงินเฟ้อพื้นฐานและเงินเฟ้อทั่วไปปรับลงต่อเนื่องและเงินเฟ้อพื้นฐานปรับลงมาต่ำกว่าระดับ 5% นับเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน

2. เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยจนสูงกว่าระดับเงินเฟ้อและส่งผลให้ส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ สูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังในรอบ 53 ปี (3) ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯเริ่มส่งสัญญาณอ่อนแอ อาทิ PMI , ใบขออนุญาตก่อสร้าง

ส่วนปัจจัยติดตามอื่นๆ ได้แก่ ตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทย Bloomberg Consensus คาดการณ์รายงานในกรอบวันที่ 24-28 ส.ค. โดยคาดมูลค่าส่งออก (-6.3%YoY) นำเข้า (-7.5%YoY)

แนะกลุ่มน้ำมัน (PTTEP) ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT SPA) ศูนย์การค้า (CPN) ขนส่ง (BEM) โรงพยาบาล (BDMS) โรงไฟฟ้า (BGRIM GPSC GULF)

GULF (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 58.00 บาท) คาดว่ากำไรจะดีขึ้นต่อเนื่อง QoQ ในไตรมาส 2/66 จากการรับรู้รายได้ของโครงการ GPD หน่วยที่ 1 (662.5MW จากทั้งหมด 2,650MW) อัตรากำไรกลุ่ม SPP ที่ฟื้นตัว หลังจากราคาก๊าซ (pool gas) ลดลง เราคาดว่าต้นทุนก๊าซใช้ในโครงการ SPP ของบริษัทจะลดสู่ระดับราว 450 บาท/MMBTU ภายในไตรมาส 2/66 และ 350 บาท/MMBTU ภายในไตรมาส 4/66 ซึ่งจะทำให้มีอัตรากำไรที่กลับสู่ระดับปกติ

AOT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 82.00 บาท) ภาพรวมผลประกอบการงวดไตรมาส 3/66 (เม.ย.-มิ.ย.) แม้ว่าจะเริ่มเข้าสู่ช่วง Low Season ของการเดินทางแล้วเห็นได้จากจำนวนผู้โดยสารในเดือน เม.ย.-พ.ค. ที่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือน มี.ค. (เฉลี่ย 8.5 ล้านคนเทียบกับ 8.8 ล้านคน) แต่ในแง่ของรายได้เราคาดว่าจะเห็นการเติบโตขึ้นได้เพราะสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการในสนามบินแล้ว โดยเฉพาะส่วนแบ่งผลประโยชน์จากการขายสินค้าของทางคิงพาวเวอร์ที่จะหันมาใช้อัตราใหม่แล้ว ซึ่งจะทำให้รายได้ในส่วนดังกล่าวปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างมาก (ไตรมาส 2/66 ส่วนแบ่งผลประโยชน์อยู่ที่ระดับ 2,800 ล้านบาท)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ก.ค. 66)

Tags: , , , ,