นายอิศรา พุฒตาลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. วี เปิดเผยว่า เศรษฐกิจยุโรปมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างน่าสนใจ โดยคาดว่าในปี 65 เศรษฐกิจยุโรปจะขยายตัว 3.9% ดีกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ 3.8% และดีกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ 3.5% และส่งผลบวกไปถึงบริษัทจดทะเบียน ซึ่งจากข้อมูล 6 เดือนย้อนหลัง
พบว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนในยุโรปไม่รวมอังกฤษได้รับการปรับประมาณการขึ้นมากกว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนทั่วโลก (Global equity) โดยเฉพาะตั้งแต่ต้นปี 65 เป็นต้นมาที่ตลาดหุ้นได้ปรับฐานลงทั่วโลกแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่งของหุ้นยุโรป และความมั่นใจของนักวิเคราะห์ที่มากกว่า
“ปัจจุบันตลาดหุ้นยุโรปฟื้นตัวได้ก่อนตลาดสหรัฐฯ แม้ว่าช่วงตั้งแต่ต้นปี 2565 ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นยุโรปจะปรับตัวลดลงอย่างมากตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ แต่สามารถฟื้นตัว (Rebound) ได้ก่อน แสดงให้เห็นว่านักลงทุนรอจังหวะเข้าซื้อ (Bottom Fishing ) ในตลาดหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานสนับสนุนที่แข็งแกร่ง”
นอกจากนี้ หากเปรียบเทียบระดับราคาที่เหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐาน (Valuations) จาก Price to Earnings Ratio (PE) , Price to Book Ratio (PB) , การเติบโตของกำไร (Earnings Growth) และอัตราจ่ายเงินปัน (Dividend Yield) จะพบว่าตลาดหุ้นยุโรปมีความน่าสนใจมากที่สุด เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ (S&P 500) หรือตลาดหุ้นทั่วโลก (MSCI ACWI Index) นอกจากนี้ตลาดหุ้นยุโรปมีสัดส่วนของหุ้นคุณค่า (Value Stock) มากกว่าตลาดหุ้นโลกและตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของ บลจ.วี ที่มองว่าหุ้นคุณค่า (Value Stock) มีโอกาสจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า (Outperform) หุ้นเติบโต (Growth Stock) ที่ราคาปรับเพิ่มขึ้นมาค่อนข้างมากแล้วในช่วงก่อนหน้านี้
อีกทั้งตลาดหุ้นยุโรปถือเป็นผู้นำด้านการลงทุนอย่างยั่งยืน (Sustainable Investment) ด้วยการลงทุนตามหลัก ESG (Environment Social Governance) เห็นได้จากร้อยละของบริษัทจดทะเบียนในดัชนี MSCI Europeที่ได้รับการประเมิน ESG Score อยู่ในระดับที่สูงกว่าบริษัทจดทะเบียนทั่วโลกโดยเฉพาะระดับ AA และ AAA เป็นต้น
สำหรับสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนยังต้องติดตามสถานการณ์ โดยคาดว่ามีโอกาสความเป็นไปได้ที่เหตุการณ์ดังกล่าวจะจบลงด้วยการที่รัสเซียผนวกภาคตะวันออกของยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียเช่นเดียวกับกรณีไครเมียร์ หรืออาจเกิดการเจรจาสันติภาพขึ้นจากทั้งสองฝ่ายด้วยการถอยคนละก้าว คือรัสเซียถอนกำลังทหาร และยูเครนยุติหรือระงับแผนการเข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต้
ดังนั้น จึงเป็นจังหวะดีสำหรับการลงทุนในหุ้นยุโรป บลจ.วี จึงเปิดเสนอขาย IPO “กองทุนเปิด วี ยุโรป 8M (WE-EUROPE8M)” เสนอขายครั้งแรกวันที่ 21 – 25 กุมภาพันธ์ 2565 ลงทุนแบบมีเป้าหมายเลิกโครงการ 6% ในระยะเวลา 8 เดือน หรือเมื่อกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุนมากกว่าหรือเท่ากับ 10.63 บาทต่อหน่วย และต้องไม่ต่ำกว่า 10.60 บาทต่อหน่วย
กองทุนมีนโยบายลงทุนเชิงรุกในหุ้นกลุ่มประเทศยุโรปที่มีแนวโน้มเติบโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ผ่านกองทุน ETF หรือหุ้นรายตัวซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นยุโรป หรือหุ้นที่มีรายได้จากการประกอบธุรกิจในยุโรปเป็นหลักที่คัดเลือกโดยผู้จัดการกองทุนที่เชี่ยวชาญ ซึ่งเน้นจับจังหวะตลาดในช่วงที่ระดับราคาน่าสนใจและมีปัจจัยพื้นฐานการเติบโตดี
ด้านกลยุทธ์ เน้นลงทุนแบบผสมผสานในหุ้นคุณค่า (Value Play) ผ่าน กองทุน iShares Edge MSCI Europe Value Factor UCITS ETF) ในสัดส่วนประมาณ 30% และลงทุนใน หุ้นกำลังเติบโตขาขึ้น (Momentum Play) ผ่านกองทุน iShares Edge MSCI Europe Momentum Factor UCITS ETF ในสัดส่วนประมาณ 40% เพื่อให้ผู้จัดการกองทุนสามารถปรับพอร์ตให้เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนผ่านนโยบายการเงิน จากแบบผ่อนคลาย (Loosening Policy) ไปสู่แบบตึงตัว (Tightening Policy) หุ้นทั้ง 2 กลุ่มดังกล่าวมีโอกาสให้ผลตอบแทนสอดคล้องกับจังหวะตลาดได้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ก.พ. 65)
Tags: IPO, กองทุนเปิด, ตลาดหุ้นยุโรป, บลจ. วี, อิศรา พุฒตาลศรี