นางสุภาพร ลีนะบรรจง กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงศรี เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ไม่รวมจีนยังคงมีอัตราการเติบโตเป็นบวกเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับลดลงส่งผลให้กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนมีการเติบโตที่แข็งแกร่งและเข้าถึงโอกาสการลงทุนในประเทศที่เป็นฐานการผลิตสำคัญของโลก แม้ตอนนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกจะได้รับแรงกดดันจากอัตราภาษีนำเข้าใหม่ของสหรัฐ แต่ด้วยราคาหุ้นที่ยังไม่แพงและมีการซื้อขายที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับตลาดประเทศพัฒนาแล้ว ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง จึงมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวเติบโตได้ในระยะยาว เมื่อความไม่แน่นอนเริ่มคลี่คลาย เช่น การชะลอการขึ้นภาษีนำเข้าหรือการเจรจาบรรลุข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯและประเทศคู่ค้า นอกจากนี้การแยกสัดส่วนการลงทุนในจีนออกจากกลุ่มจะช่วยกระจายความเสี่ยงและลดความผันผวนได้
สำหรับประเทศที่มีบทบาทสำคัญและศักยภาพสูงในการขับเคลื่อนตลาดเกิดใหม่ที่ไม่รวมจีน ได้แก่ อินเดียที่มีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ปัจจัยพื้นฐานดีและคาดการณ์ว่า GDP จะเติบโตสูงสุดถึง 6.3% ในช่วง 10 ปีข้างหน้า ไต้หวันมีความโดดเด่นด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับเทคโนโลยี AI และเกาหลีที่เป็นผู้นำในการผลิตหน่วยความจำแบนด์วิดท์สูง (HBM) ที่ใหญ่ที่สุดและได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยี DeepSeek
จากปัจจัยต่างๆ ดังกล่าว บลจ.กรุงศรี มองว่าเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าลงทุนกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ไม่รวมจีน จึงได้เปิดเสนอขายกองทุน KF-EMXCN (กรุงศรีอีเมอร์จิ้งมาร์เก็ตเอ็กซ์ไชน่า อิควิตี้) มีนโยบายลงทุนในกองทุนหลักชื่อ RBC Funds (Lux)- Emerging Markets ex-China Equity Fund – B – USD (acc) จุดเด่นของกองทุนหลักคือ ใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบผสมผสานระหว่างTop-down และ Bottom-up เพื่อคัดเลือกหุ้นที่มีศักยภาพเติบโตระยะยาวโดยพิจารณาถึงความยั่งยืนของธุรกิจ ทีมบริหารและธรรมาภิบาลควบคู่กันไป พอร์ตของกองทุนหลักประกอบด้วยหุ้นประมาณ 45-50 ตัว มีการกระจายน้ำหนักลงทุนตามความเชื่อมั่นในหุ้นแต่ละตัว โดยมีระดับความผันผวนเฉลี่ยของกองทุนต่ำกว่าดัชนีอ้างอิง โดยจะเสนอขายครั้งแรก วันที่ 21-28 เม.ย.นี้
สำหรับพอร์ตการลงทุนปัจจุบันกองทุนหลักให้น้ำหนักการลงทุนในอินเดีย ไต้หวัน และเกาหลี พร้อมกระจายการลงทุนไปยังอุตสาหกรรมต่างๆ โดยกลุ่มไอที การเงิน และสินค้าอุปโภคบริโภค มีสัดส่วนสูงสุด 3 อันดับแรกหนึ่งในตัวอย่างหุ้นในพอร์ต เช่น Mahindra & Mahindra กลุ่มบริษัทข้ามชาติของอินเดียที่มีธุรกิจหลากหลายสาขา โดยมีความเชี่ยวชาญหลักในอุตสาหกรรมยานยนต์และการเกษตร และยังเป็นผู้ผลิตรถแทรกเตอร์รายใหญ่ที่สุดของโลก
กองทุนหลักมีประวัติผลการดำเนินงานระยะยาวที่ดี โดยผลการดำเนินงานย้อนหลังเฉลี่ย 3 ปี อยู่ที่ 22.86% ดัชนีชี้วัด MSCI EM Ex-China Net Index (USD) อยู่ที่ 22.03% ผลการดำเนินงานย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งกองทุน(5 ต.ค. 63) อยู่ที่ 5.95% ดัชนีชี้วัด MSCI EM Ex-China Net Index (USD) อยู่ที่ 3.56% (ที่มา :RBC Global Asset Management, MSCI ณ 28 ก.พ. 68 ผลตอบแทนที่แสดงเป็นผลตอบแทนสุทธิหลังหักค่าธรรมเนียมการจัดการ โดยนำเงินปันผลรวมกลับคำนวณในผลตอบแทน/ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต /ผลการดำเนินงานที่แสดงเป็นผลการดำเนินงานของกองทุนหลัก ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานการวัดผลการดำเนินงานของกองทุนรวมของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน)
“บลจ.กรุงศรี แนะนำกองทุน KF-EMXCN เป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีระยะยาวให้กับพอร์ตการลงทุน และผู้ที่มีพอร์ตการลงทุนในหุ้นจีนอยู่แล้ว แต่มองหากองทุนที่จะช่วยกระจายความเสี่ยงลดความผันผวนจากตลาดจีนด้วย “ นางสุภาพร กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 เม.ย. 68)
Tags: Emerging Market, กองทุน, บลจ.กรุงศรี, สุภาพร ลีนะบรรจง, หุ้น, หุ้นไทย, เศรษฐกิจไทย