สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ธุรกิจสหรัฐในจีนปรับลดการลงทุนและคาดการณ์รายได้ เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและห่วงโซ่อุปทาน
ผลสำรวจความคิดเห็นที่จัดทำโดยหอการค้าอเมริกันในจีน (AmCham China) พบว่า กว่าครึ่งหนึ่งของบริษัท 121 แห่งที่ตอบแบบสำรวจ ได้ปรับลดหรือชะลอการลงทุนในจีนลง ขณะที่เกือบ 60% ของบริษัทเหล่านั้นปรับลดคาดการณ์รายได้ของปีนี้ หลังจากเกิดโควิด-19 ระบาดระลอกล่าสุด
บริษัทที่ตอบแบบสำรวจเกือบ 60% ที่ดำเนินธุรกิจในจีนเปิดเผยว่า ความสามารถในการผลิตชะลอตัวลงหรือลดลงเนื่องจากขาดแคลนพนักงาน อุปสรรคในการจัดหาซัพพลาย รวมถึงคำสั่งล็อกดาวน์ของรัฐบาล
ขณะเดียวกัน เกือบ 1 ใน 4 ของบริษัทที่ตอบแบบสำรวจเปิดเผยว่า มาตรการล่าสุดที่ใช้เพื่อปรับปรุงระบบโลจิสติกส์มีผลเชิงบวกต่อการดำเนินงานของบริษัท ส่วน 41% รายงานว่ายังคงได้รับความเสียหายจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงัก
นายโคล์ม ราฟเฟอร์ตี้ ประธานหอการค้าอเมริกันในจีน ระบุในแถลงการณ์ว่า “เราเข้าใจดีว่าจีนเลือกที่จะให้ความสำคัญกับสุขภาพและความปลอดภัยเหนือสิ่งอื่นใด แต่มาตรการปัจจุบันส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของบริษัทสหรัฐในจีน สถานการณ์ที่ยากลำบากนี้มีแต่จะแย่ลง” พร้อมเสริมว่า บริษัทต่าง ๆ ไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 พ.ค. 65)