อีพิก เอเอซีอีอาร์ (Epiq AACER) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูลด้านการล้มละลายระบุว่า ยอดการยื่นขอล้มละลายทั้งในระดับผู้ประกอบการและบุคคลในสหรัฐเพิ่มขึ้น 18% แตะ 445,186 รายในปี 2566 จาก 378,390 รายในปี 2565 โดยถูกกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น มาตรฐานการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น และการทยอยสิ้นสุดลงของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงโรคโควิด-19 ระบาด แม้ปริมาณการล้มละลายยังคงต่ำกว่าช่วงก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างชัดเจนก็ตาม
รายงานระบุว่า การยื่นขอฟื้นฟูกิจการตามกฎหมายมาตรา 11 ของผู้ประกอบการพุ่งขึ้น 72% แตะที่ 6,569 รายในปี 2566 จาก 3,819 รายในปี 2565 ส่วนของบุคคลทั่วไปเพิ่มขึ้น 18% สู่ 419,559 ราย จาก 356,911 รายในปี 2565
เฉพาะในเดือนธ.ค.ของปี 2566 ยอดการยื่นขอล้มละลายลดลงแตะ 34,447 ราย จาก 37,860 รายในเดือนพ.ย. แม้ปรับขึ้น 16% เมื่อเทียบกับปี 2565
รายงานระบุว่า การยื่นขอล้มละลายมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2567 แม้ยังคงห่างไกลจากระดับสูงสุดที่ 757,816 รายในปี 2562 ซึ่งเป็นปีก่อนที่โรคโควิด-19 แพร่ระบาด
“เป็นไปตามที่คาดการณ์ เราเห็นยอดการยื่นขอล้มละลายใหม่ในปี 2566 เพิ่มขึ้นมากกว่าปี 2565 ซึ่งนำโดยยอดยื่นขอล้มละลายในระดับผู้ประกอบการ ซึ่งเริ่มหวนคืนกลับสู่ระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดโรคโควิด-19 ระบาด” นายไมเคิล ฮันเตอร์ รองประธานอีพิก เอเอซีอีอาร์ระบุ พร้อมกล่าวเสริมว่า “เราคาดการณ์ว่าจะมีบุคคลทั่วไปและผู้ประกอบการยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์เพิ่มขึ้นแบบต่อเนื่องในปี 2567 เมื่อพิจารณาจากการสิ้นสุดลงของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่โรคโควิด-19 แพร่ระบาด, ต้นทุนด้านเงินทุนที่สูงขึ้น, อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น, อัตราการผิดนัดชำระหนี้ที่สูงขึ้น และหนี้ครัวเรือนที่เฉียดระดับสูงเป็นประวัติการณ์”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ม.ค. 67)
Tags: บริษัทสหรัฐ, ล้มละลาย