สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ (12 พ.ย.) โดยถูกกดดันจากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น และความเป็นไปได้ที่สหรัฐอาจจะระบายน้ำมันดิบออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR)
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 80 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 80.79 ดอลลาร์/บาร์เรล และลดลง 0.6% ในรอบสัปดาห์นี้
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 70 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 82.17 ดอลลาร์/บาร์เรล และลดลง 0.7% ในรอบสัปดาห์นี้
ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นส่งผลกดดันสัญญาน้ำมันดิบ โดยลดความน่าดึงดูดของสัญญาน้ำมัน เนื่องจากทำให้สัญญาน้ำมันมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ๆ ขณะที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น หลังจากการพุ่งขึ้นของตัวเลขเงินเฟ้อในสหรัฐอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด
ตลาดน้ำมันยังถูกกดดันจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ประกาศปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันในไตรมาส 4 ของปีนี้
โอเปกระบุในรายงานประจำเดือนพ.ย.ว่า อุปสงค์น้ำมันจะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 99.49 ล้านบาร์เรล/วันในไตรมาส 4 ลดลง 330,000 บาร์เรล/วันจากตัวเลขคาดการณ์ในรายงานประจำเดือนต.ค.
อย่างไรก็ดี โอเปกยังคงคาดการณ์ว่า ความต้องการใช้น้ำมันจะขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในปีหน้ากลับสู่ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังร่วงลงหลังจากมีการคาดการณ์ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐอาจประกาศระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันเบนซินในประเทศ
ปธน.ไบเดนกล่าวเมื่อวันเสาร์ที่แล้วว่า สหรัฐมีเครื่องมือที่จะรับมือกับราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น หลังจากที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ปฏิเสธข้อเรียกร้องของสหรัฐที่ต้องการให้โอเปกพลัส เพิ่มการผลิตน้ำมันมากกว่า 400,000 บาร์เรล/วัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 พ.ย. 64)
Tags: lifestyle, น้ำมัน WTI, น้ำมันดิบ, ราคาน้ำมัน