สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (20 พ.ย.) หลังสหรัฐฯ เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด อย่างไรก็ดี สถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซียและยูเครนช่วยให้ราคาน้ำมันลดช่วงลบ
- ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 52 เซนต์ หรือ 0.75% ปิดที่ 68.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 50 เซนต์ หรือ 0.68% ปิดที่ 72.81 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันปรับตัวลง หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 545,000 บาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.0 ล้านบาร์เรล มากกว่านักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.6 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังคงได้รับปัจจัยลบหลังจากเอควินอร์ (Equinor) ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของนอร์เวย์ได้กลับมาดำเนินการผลิตที่บ่อน้ำมันโยฮัน สเวอร์ดรุป (Johan Sverdrup) อีกครั้ง หลังจากที่ระงับการผลิตเนื่องจากปัญหาไฟฟ้าดับเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยโยฮัน สเวอร์ดรุป เป็นบ่อน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันตก
จอนห์ คิลดัฟฟ์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Again Capital กล่าวว่า ราคาน้ำมันลดช่วงลบ โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมองว่าสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน
รายงานล่าสุดระบุว่า ยูเครนได้ยิงขีปนาวุธ “Storm Shadow” ซึ่งเป็นขีปนาวุธร่อนพิสัยไกลที่ผลิตโดยอังกฤษนั้น เข้าไปในดินแดนรัสเซีย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากที่ยูเครนได้ยิงขีปนาวุธ ATACMS ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ เข้าไปในดินแดนรัสเซีย จนเป็นเหตุให้วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ประกาศปรับเกณฑ์การใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อรับมือกับการโจมตีพรมแดนเป็นวงกว้าง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 พ.ย. 67)
Tags: WTI, น้ำมัน WTI, ราคาน้ำมัน