สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% ในวันจันทร์ (7 เม.ย.) แตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปี เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จะส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยและทำให้ความต้องการใช้พลังงานทั่วโลกปรับตัวลดลง
- ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 1.29 ดอลลาร์ หรือ 2.08% ปิดที่ 60.70 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 1.37 ดอลลาร์ หรือ 2.09% ปิดที่ 64.21 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมัน WTI และน้ำมันเบรนท์ต่างก็ปิดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2564
ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันเป็นไปอย่างผันผวน โดยราคาดีดตัวขึ้นในระหว่างวันหลังจากมีข่าวว่าปธน.ทรัมป์กำลังพิจารณาระงับการบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ออกไปอีก 90 วัน แต่หลังจากนั้นไม่นานทำเนียบขาวได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว ซึ่งส่งผลราคาน้ำมันร่วงลงอีกครั้ง
นักลงทุนกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรที่ปธน.ทรัมป์ประกาศใช้เมื่อวันพุธที่ 2 เม.ย.นั้น จะส่งผลให้เกิดสงครามการค้าทั่วโลก โดยจีนประกาศเมื่อวันศุกร์ (4 เม.ย.) ว่าจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ในอัตรา 34% ขณะที่ปธน.ทรัมป์ได้ออกมาตอบโต้ด้วยการประกาศว่า เขาจะให้เวลาจีนจนถึงวันอังคารที่ 8 เม.ย.ในการยกเลิกมาตรการเรียกเก็บภาษีดังกล่าว มิฉะนั้นจีนจะถูกสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมอีก 50%
ทางด้านคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ได้เสนอให้มีการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ในอัตรา 25% เพื่อตอบโต้สหรัฐฯ ที่เรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม
นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ระบุว่า มีโอกาส 45% ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในอีก 12 เดือนข้างหน้า พร้อมกับปรับลดเป้าหมายราคาน้ำมันในเดือนธ.ค. 2568 โดยปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และ WTI ลงอีก 5 ดอลลาร์ เหลือ 66 ดอลลาร์ และ 62 ดอลลาร์ ตามลำดับ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 เม.ย. 68)
Tags: WTI, น้ำมัน WTI, ราคาน้ำมัน