สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) ขานรับสต็อกน้ำมันดิบและสต็อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แทบไม่ส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.23 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 73.62 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค. 2564
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.31 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 76.05 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค. 2564
นักวิเคราะห์จากบริษัท Schneider Electric กล่าวว่า การปรับตัวลงของสต็อกน้ำมันดิบ, น้ำมันกลั่น และน้ำมันเบนซินของสหรัฐในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น บ่งชี้ว่า ความต้องการใช้น้ำมันยังคงแข็งแกร่ง แม้มีความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาทั้งในสหรัฐและทั่วโลกก็ตาม
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 4.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2563 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 2.5 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.3 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 3.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.6 ล้านบาร์เรล
รายงานของ EIA ยังระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ ลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าตลาดจะยังคงเผชิญภาวะน้ำมันตึงตัวไปจนถึงสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ ถึงแม้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเดือนละ 400,000 บาร์เรล/วัน ตั้งแต่เดือนส.ค.จนถึงเดือนธ.ค.ปีนี้ แต่ก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำมันที่คาดว่าจะพุ่งขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยคาดว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในวงกว้างจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ก.ค. 64)
Tags: WTI, น้ำมัน WTI, น้ำมันดิบ, ราคาน้ำมัน