สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ในวันพฤหัสบดี (20 ก.พ.) หลังสหรัฐฯ เปิดเผยสต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นลดลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าอุปทานน้ำมันในรัสเซียจะปรับตัวลดลง
- ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ หรือ 0.44% ปิดที่ 72.57 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 44 เซนต์ หรือ 0.58% ปิดที่ 76.48 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 4.6 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ดี สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 151,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 2.0 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า การที่ยูเครนส่งโดรนโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำมันของรัสเซียจะส่งผลให้อุปทานน้ำมันปรับตัวลดลง โดยรัสเซียระบุว่า การลำเลียงน้ำมันผ่านท่อส่งแคสเปียน ไปป์ไลน์ คอนซอร์เทียม (CPC) ซึ่งเป็นเส้นทางหลักในการส่งออกน้ำมันดิบจากคาซัคสถานนั้น ลดลง 30-40% เมื่อวันอังคาร (18 ก.พ.) หลังจากท่อส่งน้ำมันแห่งนี้ถูกโจมตีด้วยโดรนของยูเครน
ล่าสุด เจอร์แมน กาลุชเชนโก รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของยูเครนเปิดเผยว่า รัสเซียได้โจมตีโครงสร้างพื้นฐานก๊าซของยูเครน และสร้างความเสียหายต่อโรงงานผลิตก๊าซของยูเครนเมื่อคืนนี้
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันลดช่วงบวก เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรที่ประกาศโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ อาจจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน โดยทำให้ต้นทุนสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวสูง อีกทั้งจะทำให้เศรษฐกิจโลกอ่อนแอลง และส่งผลให้อุปสงค์เชื้อเพลิงปรับตัวลงด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ก.พ. 68)
Tags: WTI, น้ำมัน WTI, ราคาน้ำมัน