พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือน ครั้งที่ 1 กรุงเทพมหานครและปริมณฑล” ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคว่า การจัดงานในครั้งนี้ถือเป็นมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ที่สำคัญ เพื่อลดปัญหาการฟ้องร้อง และไม่ต้องการให้มีการฟ้องร้องและบังคับขายทอดตลาด ซึ่งรัฐบาลให้ความจริงจังในการแก้ไขปัญหาความยากจน ตามนโยบายของรัฐบาลที่ได้ประกาศต่อประชาชนว่า ปี 65 คือ ปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน และทำอย่างไรให้ประชาชนมีรายได้ที่ดีขึ้น รัฐบาลพยายามเยียวยาหาทางชดเชยรายได้ให้อยู่เสมอ เช่น โครงการ”คนละครึ่ง” “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” “เราชนะ” “เรารักกัน” มีสุขภาพ มีการศึกษาที่ดีขึ้น และสิ่งสำคัญมีการเข้าถึงการบริการภาครัฐมากขึ้น และต้องพัฒนาการแข่งขัน พัฒนาทักษะฝีมือแรงงานให้มีขีดความสามารถสูงขึ้น เพื่อให้ได้รับค่าแรงสูงขึ้น
งานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ในครั้งนี้ มีสถาบันการเงินเข้าร่วมมากถึง 16 แห่ง และกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) มีเป้าหมายสำคัญที่ต้องการช่วยเหลือในเรื่องไกล่เกลี้ยหนี้สิน การเจรจาลดดอกเบี้ย ปรับโครงสร้างหนี้ การลดปัญหาในเรื่องการฟ้องร้อง และการถูกยึดทรัพย์สินขายทอดตลาด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าววว่า ในขณะนี้มีการลงทุนอุตสาหกรรมสมัยใหม่จากต่างประเทศ และต้องไปดูว่าแรงงานไทยมีความพร้อมแล้วหรือไม่ที่จะทำงานร่วมกับเครื่องจักรต่างๆ และไม่อยากให้มองเพียงรายได้เพียงอย่างเดียว และสิ่งสำคัญคือ การหางานทำซึ่งยิ่งเมื่อมีสถานการณ์โควิด-19 ก็ทำให้การหางานยากขึ้นไปอีก แต่ทำอย่างไรที่ทำให้คนไม่เลือกงาน จึงเป็นช่วงที่ต้องหารือร่วมกันในการแก้ปัญหาต่างๆ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาความยากจนนั้น ได้ให้นโยบายไปว่าต้องแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง และลงไปดูปัญหาหนี้สินของแต่ละกลุ่ม ให้สามารถอยู่รอดได้ ไม่ถูกทวงหนี้สิน และสามารถอยู่อย่างพอเพียงและยั่งยืนได้ ซึ่งถือเป็นงานในเชิงโครงสร้างที่ต้องทำต่อเนื่อง และต้องได้รับความร่วมมือ ทั้งจากภาครัฐ ประชาชน และสถาบันทางการเงินที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และต้องขจัดความยากจนและพัฒนาอย่างยั่งยืนตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีเป้าหมายการแก้ปัญหาความยากจนแบบพุ่งเป้า คือ การแก้ปัญหารายครัวเรือน ซึ่งอาจไม่สำเร็จภายใน 1 ปี แต่ถ้าหากเริ่มแก้ไปเชื่อว่าปัญหาก็จบได้ และตนต้องการให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ยั่งยืน ไม่ใช่ประเทศที่มีความแตกแยกหรือมีแต่ทะเลาะเบาะแว้ง
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราต้องกลับมาดูสิ่งเก่าๆ หนี้สินปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้ำ ปัญหาเหล่านี้มักจะมีปัญหาทุกครั้ง ตนไม่ทราบว่าสาเหตุคืออะไร ต้องกลับไปอยู่ในวังวนเดิมๆ เพราะง่ายต่อการสร้างความชื่นชอบส่วนตัวทางการเมืองหรือไม่ และขอร้องอย่าทำร้ายประชาชนอีกต่อไป
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า สาเหตุที่เลือกกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นที่จัดงานครั้งแรก เพราะเห็นว่าในเขต กรุงเทพฯและปริมณฑล มีลูกหนี้มากถึง 95,850 ราย รวมมูลค่า 10,576 ล้านบาท แบ่งเป็นผู้เป็นหนี้ก่อนฟ้อง 48,590 ราย มูลค่า 4,186 ล้านบาท ประกอบด้วย หนี้สินเชื่อบัตรเครดิต 24,370 ราย สินเชื่อรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ 3,924 ราย ลูกหนี้ กยศ. 20,296 ราย
ส่วนของการบังคับคดี มีส่วนที่มีคำพิพากษาแล้ว 47,260 ราย มูลค่า 6,390 ล้านบาท บุคลลที่เข้ามาร่วมงาน จะได้สิทธิประโยชน์ชั้นก่อนฟ้อง คือ ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ ลดเบี้ยปรับ ลดดอกเบี้ย ลดค่างวดรายเดือน งดฟ้องดำเนินคดี และรับเงื่อนไขปลดผู้ค้ำประกัน ในส่วนของชั้นบังคับคดี จะได้รับสิทธิ คือ ขยายเวลาผ่อนชำระหนี้ ลดเบี้ยปรับ ลดจำนวนเงินผ่อนชำระหนี้ งดยึดทรัพย์ งดขายทอดตลาด ลูกหนี้จะไม่ถูกบังคับคดี และยังมีสิทธิประโยชน์อื่นๆ อีกมาก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.พ. 65)
Tags: กยศ., ประยุทธ์ จันทร์โอชา, มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้, สถาบันการเงิน, สมศักดิ์ เทพสุทิน, หนี้สินครัวเรือน, แก้หนี้