กลายเป็นประเด็นร้อนจนติดเทรนด์ X กับ #ตั๋วเพื่อไทย หลังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง หลุดปากกลางที่ประชุมสส. เพื่อไทยว่า มีสส.มาขอตำแหน่งผู้กำกับใหม่ แถมในช่วงท้ายยังพูดกำกับอีกด้วยว่า “… มีไม่น้อยที่สมหวัง”
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ออกมายืนยันเช้านี้ว่า ไม่มีอำนาจแทรกแซง และไม่เคยก้าวก่ายการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ เพราะเป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่จะต้องพิจารณาตามผลงาน และเป็นที่ทราบกันดีว่าประชาชนและ สส.ที่เป็นตัวแทนของประชาชนมีการเข้ามาพูดคุยกันในเรื่องของปัญหายาเสพติดที่เรื้อรังมานาน และอาจไม่สบายใจกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้ง สส.และตนเองไม่มีใครมาขอตำแหน่งเรื่องผู้กำกับฯ ซึ่ง สส.เองก็รู้หน้าที่ของตนดี ไม่ได้มีประเด็นตรงนี้
“ขอยืนยันว่าไม่เคยก้าวก่ายหรือไปสั่งการกับ สตช. และการแต่งตั้งผู้กำกับฯ และไม่ได้ขึ้นอยู่กับอำนาจผมด้วย” นายเศรษฐา กล่าว
ส่วนกรณีที่ตนพูดว่ามีคนที่ผิดหวังและสมหวัง และมีคนขอเข้ามาเยอะนั้น หมายถึงคนสมหวัง และผิดหวัง เจ้าหน้าที่อาจทำงานไม่ดี ซึ่งตนก็ไม่สามารถจะไปบอกได้ สมมุติว่าเขาทำงานไม่ดี อำนาจนายกรัฐมนตรีก็ไม่สามารถสั่งย้ายได้อยู่ดี เพียงแต่บอกว่า พื้นที่ในโซนนี้ เขตนี้ มีปัญหาเรื่องยาเสพติดมาก จึงอยากฝากดูแล ถ้าเกิดมีการกำกับดูแลแล้ว และยังยืนยันว่าตำรวจที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ความเหมาะสมอยู่ก็ต้องให้เขาทำงานต่อไป
เรื่องนี้นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า เรื่องนี้นายกฯ ควรต้องตอบคำถามของสังคมให้กระจ่างชัด คือ
1) “คนที่อยู่ในห้องประชุม” ที่มาฝากผู้กำกับกับนายกฯ ที่นายกฯ บอกนั้นมีใครบ้าง
2) นายกฯ จะดำเนินการอย่างไร กับ บรรดา สส. ที่ยกโขยงมาขอตำแหน่งผู้กำกับใหม่ ในกรณีนี้หากนายกฯ เพิกเฉย ไม่ดำเนินการอะไร ก็ถือว่านายกฯ เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
“นายกฯ จะมาแก้ตัวว่า ที่พูดไปเป็นการพูดเล่น ผมก็เห็นว่าฟังไม่ขึ้น เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่คนระดับนายกรัฐมนตรีจะเอามาพูดเล่น หรือยกเมฆมาพูดโกหก เป็นเด็กเลี้ยงแกะ”
ขณะที่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แสดงความเห็นต่อกรณีนี้ว่า เรื่องตั๋วตำรวจที่นายกฯ พูดออกมาในทำนองว่ามี สส. พรรคเพื่อไทยฝากกันมามาก เป็นเรื่องที่ผิดทั้งรัฐธรรมนูญผิดจริยธรรมนักการเมือง และมีความผิดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ
“รัฐบาลนี้เริ่มต้นไม่ทันไร ก็ทำให้ระบบเส้นสายเติบโตเสียแล้ว ไม่แปลกที่เราถึงได้เห็นองค์กรตำรวจเป็นแบบนี้ นี่ใช่มั้ยถึงไม่อยากใช้คำว่าปฏิรูป นี่ใช่มั้ยถึงไม่กล้ามาตอบกระทู้ในสภา น่าผิดหวังมาก ผิดหวังแทนตำรวจชั้นผู้น้อยที่ไม่มีเส้นสาย” นายรังสิมันต์ กล่าว
พร้อมระบุว่า เรื่องนี้จะต้องตรวจสอบกันอย่างแน่นอน นายกฯอย่าได้หนีการตรวจสอบ และเอาความจริงมาพูดว่าตกลงฝากใครไปบ้าง ผู้กำกับคนไหนได้ตั๋ว สร.1 หรือตั๋วนายกฯ หรือตั๋วเพื่อไทย และตนขอเรียกร้องไปยังตำรวจช่วยกันส่งเรื่องนี้มาให้ ยืนยันจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้นิ่งเงียบเด็ดขาด
นอกจากนี้ เรียกร้องให้นายกฯ เร่งปฏิรูปตำรวจอย่างจริงจัง และในอนาคตเมื่อมีการเลือก ผบ.ตร. อีกครั้ง ก็ควรใช้วิธีดังต่อไปนี้ โดยอาศัย พ.ร.บ. ตำรวจปัจจุบันเพื่อประกอบการใช้ดุลพินิจของนายกฯ
(1) รอง ผบ.ตร. ที่ประสงค์จะเป็น ผบ.ตร. ให้ยื่นความจำนงต่อกรรมการที่นายกฯ ตั้งขึ้น พร้อมพอร์ตโฟลิโอผลงานต่างๆ
(2) ให้มีการแสดงวิสัยทัศน์สาธารณะ ให้ประชาชนได้เห็นว่า มีวิสัยทัศน์อะไร ต้องตอบคำถามให้ได้ว่า ที่จะเป็น ผบ.ตร. มีแผนพัฒนาตำรวจอย่างไร โดยเฉพาะภายใต้กรอบระยะเวลาที่ตนเองเหลืออยู่
(3) ทำแพลตฟอร์มออนไลน์ให้ตำรวจสามารถลงทะเบียนเพื่อโหวตเลือก ผบ.ตร. ได้ เพื่อให้นายกฯ ทราบว่าตำรวจส่วนใหญ่อยากให้ใครเป็น ผบ.ตร. โดยแพลตฟอร์มจะไม่สามารถระบุตัวตนตำรวจที่โหวต รู้แค่ว่าเป็นตำรวจ ซึ่งสามารถทำได้ในปัจจุบัน
ทั้ง 3 ข้อนี้จะนำไปสู่การติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูกต้อง ให้ ผบ.ตร. รวมถึงตำรวจทุกตำแหน่ง ไม่ได้มาจากเส้นสาย ไม่ได้มาจากตั๋ว ไม่ได้มาจากการซื้อ เพื่อปูทางสู่การสร้างตำรวจที่จะต่อสู้กับอำนาจมืดทุกรูปแบบ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 พ.ย. 66)
Tags: ตั๋วเพื่อไทย, นายกรัฐมนตรี, พรรคเพื่อไทย, เศรษฐา ทวีสิน, โซเชียลมีเดีย