นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในระหว่างเดินทางไปร่วมประชุม World Economic Forum ประจำปี 2568 ที่เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้พบหารือกับนายสเตฟาน อูลริช (Mr. Stefan Oelrich) กรรมการบริหารบริษัทไบเออร์ เอจี และผู้บริหารสูงสุดแผนกฟาร์มาซูติคอล
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีเป้าหมายสำคัญในการส่งเสริมภาคการเกษตร โดยเฉพาะพืชเศรษฐกิจ อาทิ ข้าว ข้าวโพด เพื่อพัฒนาเมล็ดพันธุ์ที่สามารถเพิ่มผลผลิต รวมทั้งนวัตกรรมใหม่ เพื่อการพัฒนาด้านสาธารณสุข ทั้งยาและสุขภาพ โดยรัฐบาลมีนโยบาย “30 บาท รักษาทุกที่” เพี่อให้คนไทยสามารถเข้าถึงการบริการสาธารณสุขและยาได้มากขึ้น รวมทั้งการพัฒนาและวิจัยด้านการแพทย์ และยา เชื่อว่าจะสามารถร่วมมือกับบริษัท ไบเออร์ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ และการเกษตร
ทั้งนี้ รัฐบาลมีเป้าหมายในการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น AI โดยให้ความสำคัญในการเตรียมความพร้อมเยาวชน ด้วยการ upskilled -reskilled เพื่อรองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต สร้างโอกาสและรายได้ใหม่ ๆ ให้กับประเทศ ระหว่างนี้รัฐบาลมีนโยบาย “บ้านเพื่อคนไทย” เพี่อให้โอกาสคนไทยได้มีที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายการดูแลคุณภาพชีวิตคนไทย
ขณะที่ นายสเตฟาน แสดงความยินดีในการเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และหวังว่าจะได้เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีที่ประเทศไทยอีกครั้ง พร้อมระบุว่า ไทยเป็นประเทศที่เป็นฐานการลงทุนที่สำคัญ และต้องการร่วมมือในด้านยา สุขภาพ รวมทั้งการเกษตร พร้อมชื่นชมวิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรีที่ให้ความสำคัญอย่างมากในการลงทุนในทรัพยากรบุคคล ซึ่งจะช่วยให้ไทยสามารถล้ำหน้าอย่างรวดเร็ว
โดยหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เช่น อุตสาหกรรมยา และสุขภาพ ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจว่าจะมีวิทยาการใหม่ ๆ เช่น ความรู้ด้านเนื้อเยื่อ (cell) รวมทั้ง AI ที่ก้าวหน้า สามารถเปลี่ยนแปลงการดูแลสุขภาพ และบริษัทฯ ยินดีจะร่วมมือกับไทยในการสนับสนุนการเข้าถึงการรักษาของผู้ป่วย เพื่อให้ประชาชนไทยได้มีโอกาสเพิ่มการเข้าถึงนวัตกรรมในการรักษาอย่างมีคุณภาพ ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ตลอดจนร่วมมือในการเพิ่มผลผลิตของเกษตรกร ด้วยการเข้าถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านการเกษตร ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรสามารถเพิ่มปริมาณผลผลิตอย่างมีคุณภาพ ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร โดยเฉพาะในพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้หารือกับนาย Michel Demare’ ประธานกรรมการ (Chair of the Board) บริษัท AstraZeneca จำกัด โดยกล่าวขอบคุณบริษัทฯ ที่ให้ความสนใจ และมีส่วนร่วมกับประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งความร่วมมือของบริษัทที่ช่วยสนับสนุนวิสัยทัศน์ของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพ และการแพทย์ในภูมิภาค และแสดงความยินดีที่ได้ทราบถึงบทบาทผู้นำระดับโลกของบริษัทฯ ในการคิดค้นยารักษาโรคที่สำคัญของโลก อาทิ โรคเบาหวาน มะเร็ง เป็นต้น ที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนทั่วโลก รวมถึงการมีบทบาทที่เพิ่มมากขึ้นในตลาดเกิดใหม่
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำถึงโอกาสที่ดีหากทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมือในการศึกษา วิจัย และพัฒนา โดยไทยมีเป้าหมายในการศูนย์กลางการแพทย์และการสาธารณสุข ซึ่งไทยมีโรงเรียนแพทย์ที่สามารถผลิตแพทย์และบุคคลากรทางแพทย์ที่มีคุณภาพ จนทำให้การแพทย์และการบริการสาธารณสุขไทยได้รับความไว้วางใจในหมู่คนต่างชาติ โดยเฉพาะจากภูมิภาคตะวันออกกลาง
ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรม โดยเปิดกว้าง และพร้อมที่รับการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น และให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชน และยินดีสนับสนุนความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนากับบริษัทฯ เพื่อรับมือกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
ขณะที่นาย Michel Demare’ ได้กล่าวขอบคุณและชื่นชมศักยภาพของไทยในด้านการแพทย์ บริษัทฯ มีการลงทุนฐานการผลิตที่สำคัญ ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งกับคนไทยและคนทั่วโลก ทั้งนี้ พร้อมแบ่งปันองค์ความรู้ด้านยาและการดูแลสุขภาพ ที่ปัจจุบันมีความก้าวหน้าให้กับพันธมิตรและหุ้นส่วนไทย ในการขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านชีวการแพทย์ และพัฒนาการเข้าถึงด้านสุขภาพ โดยมุ่งเน้นไปที่โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ในประเทศไทย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ม.ค. 68)
Tags: World Economic Forum, จิรายุ ห่วงทรัพย์, นายกรัฐมนตรี, สมาพันธรัฐสวิส, สเตฟาน อูลริช, แพทองธาร ชินวัตร