นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า หวังว่าเศรษฐกิจในไตรมาสแรกปี 67 จะดีขึ้น และดีกว่าในปี 66 ซึ่งในการเข้ามาบริหารประเทศมีแผนจะออกนโยบายดิจิทัลวอลเลตในไตรมาสแรก แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ ซึ่งได้พยายามหาวิธีอื่นทดแทน เช่น กระตุ้นเศรษฐกิจในด้านต่างๆ ทั้งด้านการท่องเที่ยว การออกวีซ่าฟรี หรือแม้แต่เรื่องการประมงก็ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างหนึ่ง รวมถึงหลายๆ นโยบายที่ออกมา เช่น การยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ การเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย การเจรจาสนธิสัญญาการค้าและการลงทุน การอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจให้ง่ายขึ้น
ส่วนที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มองว่า เศรษฐกิจปี 67 จะขยายตัวดีขึ้น นโยบายดิจิทัลวอลเลตยังจำเป็นหรือไม่นั้น นายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่มอง GDP ไตรมาส 3/66 ไม่ดี และต้องติดตาม GDP ไตรมาส 4/66 ด้วย และยืนยันมาตลอดว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก แม้ GDP ไม่ติดลบก็อยู่ในภาวะที่หนักอยู่ ดูได้จากจีดีพีในประเทศเพื่อนบ้านว่าขยายตัวได้เท่าไร
โดยที่ประชุมครม. มีมติเห็นชอบเพิ่มวันทำการประมงให้กับเรือประมง 1,200 ลำ เพื่อแก้ไขปัญหาประมงไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 67 ซึ่งจะทำให้เกิดการจ้างงานกว่า 20,000 คน สร้างรายได้ให้กับประเทศกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นในการคืนชีวิตที่ดีให้กับชาวประมง
นอกจากนี้ ครม. ยังมีมติเห็นชอบ ให้รายงานผลการดำเนินงานตามอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรี ในทุกรูปแบบเพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุง และพัฒนาความก้าวหน้าอย่างเต็มที่ของสตรี และคุ้มครองเด็ก รวมถึงส่งเสริมสิทธิด้านการศึกษา ซึ่งบ่งบอกว่าประเทศไทยมีความก้าวหน้าเรื่องสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาคและเท่าเทียม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ม.ค. 67)
Tags: GDP, ดิจิทัลวอลเลต, ประชุมครม., มติคณะรัฐมนตรี, เรือประมง, เศรษฐกิจไทย, เศรษฐา ทวีสิน