นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาโรงงานเก็บสารเคมีเกิดเพลิงไหม้ จ.พระนครศรีอยุธยาว่า ได้มอบให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าไปช่วยดูตรงนี้ เพราะหากมีการวางเพลิงเพื่อกลบหลักฐานถือว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง
พร้อมยืนยันว่า ส่วนตัวให้ความสำคัญและจริงจังต่อการแก้ปัญหาโรงงานเก็บสารเคมี ทั้งจากการลงพื้นที่ การสั่งการ และติดตามงานจากรมว.อุตสาหกรรม
ส่วนกรณีที่นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมลาออกนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่ได้พูดคุยโดยตรง ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของรัฐมนตรี ส่วนจะถูกกดดันจากการทำงานหรือไม่ ตนไม่แน่ใจ แต่หากเป็นเรื่องของการตามงาน การสั่งงาน การให้ความสำคัญกับปัญหา ถ้าถือว่าเป็นการกดดันก็คือกดดัน เพราะมองที่เน้นเนื้องานเป็นหลัก
ด้านน.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า เบื้องต้นเชื่อว่าการเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานเก็บสารเคมีอันตราย เป็นการลอบวางเพลิงเพื่อเผาทำลายหลักฐาน ดังนั้นจึงได้กำชับอุตสาหกรรมจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังเนื่องจากเกรงว่า ผู้ประกอบการนายทุน จะถือโอกาสนำกรณีของอำเภอภาชี ไปเป็นต้นแบบในการเผาทำลายของกลางอีก
“ได้สั่งการให้มีการปรับการบริหารจัดการ เรื่องการกำจัดกากสารเคมีจากนี้ไปจะต้องทำเป็นระบบ ให้เข้มงวดตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง จนถึงปลายทาง ที่ผ่านกระบวนการ รีไซเคิลเรียบร้อยแล้ว และต่อจากนี้ไป กระทรวงอุตสาหกรรมจะทำงานแบบบูรณาการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยกันทำงาน เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กระทบกับประชาชนเป็นจำนวนมาก ทั้งความเป็นอยู่ สัตว์เลี้ยง พืชผลทางการเกษตร ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่เหตุการณ์ปกติ ดังนั้นต้องร่วมมือกันทั้งจังหวัด ผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่ ฝ่ายความมั่นคง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะนี้ซ้ำอีก” รมว.อุตสาหกรรม กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 พ.ค. 67)
Tags: จุลพงษ์ ทวีศรี, พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล, วางเพลิง, สารเคมี, อยุธยา, เพลิงไหม้, เศรษฐา ทวีสิน