นายกฯ ลาป่วย 1 วัน ก่อนลงพื้นที่ร้อยเอ็ดพรุ่งนี้ ติดตามแก้ปัญหายาเสพติด

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยื่นหนังสือลาราชการ 1 วัน เนื่องจากมีอาการป่วย หลังเมื่อค่ำวานนี้ได้ไปตรวจที่โรงพยาบาล พบว่า มีเชื้อแบคทีเรียในลำคอ หลอดลมอักเสบทำให้เสียงแหบ และเจ็บคอ แต่ไม่พบเชื้อโควิด -19 และเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A หรือสายพันธุ์ B ซึ่งแพทย์ได้ให้หยุดพักเป็นเวลา 1 วัน

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (1 พ.ย.) นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการในจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อติดตามและรับฟังปัญหาด้านการป้องกัน ปราบปรามยาเสพติด และกระบวนการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดในโครงการมินิธัญญาลักษณ์ เพื่อผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ยังสอดรับกับแนวการแก้ไขปัญหายาเสพติดในภูมิภาคอาเซียนตามมติที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้กำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกับประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค โดยเฉพาะประเทศที่มีพรมแดนติดกัน ซึ่งไทยได้เร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) ได้ตั้งอัครราชทูตที่ปรึกษาด้านการควบคุมยาเสพติดใน 5 ประเทศ ได้แก่ สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม เมียนมา และจีน เพื่อให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดสอดรับกันทั้งในประเทศและต่างประเทศ

โดยนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสั่งการและกำหนดรูปแบบในแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด และจังหวัดใกล้เคียง ตลอดจนกำหนดเป็นพื้นที่นำร่องทั่วประเทศ พร้อมทั้งเตรียมขยายผลความสำเร็จเพื่อสานต่อนโยบายของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน รวมทั้งเร่งรัดให้สัมฤทธิ์ผล โดยพบว่ามีพื้นที่ที่มีปัญหายาเสพติดรุนแรงทั้งหมด 25 จังหวัด ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคอีสาน ภาคเหนือ และภาคใต้ตอนล่าง ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติแล้ว ทั้งนี้ยังได้ยกโมเดลการแก้ไขที่จังหวัดน่านและร้อยเอ็ดให้เป็นต้นแบบการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนด้วย

สำหรับผลการดำเนินการตามนโยบายระยะแรกตั้งแต่เดือน มิ.ย.-ส.ค.ที่ผ่านมาในพื้นที่ 25 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพฯ ภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ นครสวรรค์ ภาคกลาง ได้แก่ สมุทรปราการ ชลบุรี และกาญจนบุรี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ นครราชสีมา กาฬสินธุ์ อุดรธานี นครพนม มหาสารคาม ร้อยเอ็ด หนองคาย มุกดาหาร สกลนคร หนองบัวลำภู เลย บึงกาฬ และขอนแก่น ภาคใต้ ได้แก่ นครศรีธรรมราช ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สงขลา และสตูล ซึ่งได้รับรายงานว่ามีผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งมีผลการจับกุมผู้ผลิตรายใหญ่และรายเล็กจากทุกส่วนราชการ ทำให้ประชาชนมีความปลอดภัยและมั่นใจในสังคมที่ดีมากขึ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ต.ค. 67)

Tags: ,