นายกฯ ย้ำอาเซียนต้องเป็นหนึ่งเดียว เพื่อร่วมสร้างความเข้มแข็งให้ภูมิภาค

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 39 ผ่านระบบการประชุมทางไกล พร้อมผู้นำและผู้แทนสมาชิกอาเซียน โดยที่ประชุมมีประเด็นหลักที่หยิบยกขึ้นหารือหลักๆ ได้แก่ พัฒนาการความสัมพันธ์และความร่วมมือกับหุ้นส่วนภายนอกภูมิภาค

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ผู้นำอาเซียนทุกประเทศให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของอาเซียน ซึ่งเป็นหลักการอันทรงคุณค่าในการทำงานร่วมกันของอาเซียนมาตลอด 54 ปีที่ผ่านมา และจะช่วยกันธำรงหลักการนี้ไว้ ด้วยการช่วยกันให้สมาชิกครอบครัวอาเซียนอยู่ร่วมกันพร้อมหน้าครบถ้วนเหมือนดังที่เคยเป็น

ทุกประเทศต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ สมาชิกอาเซียนต้องรักษาความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและความเป็นแกนกลางของอาเซียน เพื่อเอาชนะกับความท้าทายหลากหลายรูปแบบที่โลกกำลังเผชิญ ทั้งโควิด-19 ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความท้าทายต่อภูมิรัฐศาสตร์ในโลกและในภูมิภาค อาเซียนจะต้องมีความร่วมมือที่สร้างสรรค์กับภายนอกภูมิภาค และรักษาความสงบสุขในภูมิภาค เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมให้ก้าวหน้าต่อไป

โดยนายกรัฐมนตรีได้เสนอ 3 แนวทางให้ดำเนินการควบคู่กันไป ได้แก่

1. อาเซียนควรเพิ่มพูนความสัมพันธ์กับภาคีภายนอกให้มากยิ่งขึ้น รักษาความเป็นเอกภาพ มีบทบาทนำในการขับเคลื่อนข้อริเริ่มต่าง ๆ เพื่อขยายโอกาสและสร้างพลังของอาเซียนในการดำเนินความสัมพันธ์ภายนอก และเห็นว่าอาเซียนควรใช้โอกาสจากความเป็นหุ้นส่วนเหล่านี้ในการผลักดันวาระต่าง ๆ ที่เป็นผลประโยชน์ของอาเซียน และส่งเสริมความเป็นแกนกลางของอาเซียนในภูมิภาคต่อไป

2. อาเซียนต้องร่วมกันส่งเสียงที่ชัดเจน และสอดคล้องกันเกี่ยวกับความเป็นแกนกลางของอาเซียนในสถาปัตยกรรมในภูมิภาค เสริมสร้างความเข้มแข็งของกลไกต่าง ๆ ที่อาเซียนมีบทบาทนำ โดยใช้มุมมองอาเซียนต่ออินโด-แปซิฟิก (AOIP) เป็นเครื่องมือในการสนับสนุนให้มหาอำนาจมีปฏิสัมพันธ์กันในภูมิภาคอย่างสร้างสรรค์ เพื่อรักษาสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาค

3. อาเซียนควรมีส่วนร่วมในการเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจทางยุทธศาสตร์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ โดยอาจพิจารณาใช้แนวทางใหม่ๆ ในการปฏิสัมพันธ์กับทั้งสองประเทศ เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายสามารถแสวงจุดร่วมในเรื่องที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกันในภูมิภาคได้ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เป็นต้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ในเมียนมาว่า เป็นบททดสอบความสามารถของอาเซียนในการจัดการและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในภูมิภาค อาเซียนควรมีบทบาทที่สร้างสรรค์ในการช่วยคลี่คลายสถานการณ์ในเมียนมา เพื่อความน่าเชื่อถือของอาเซียนในประชาคมระหว่างประเทศ โดยไทยต้องการที่จะเห็นสันติภาพ และเสถียรภาพในเมียนมาและพร้อมฉันทามติ 5 ข้อ

ทั้งนี้ ผู้แทนพิเศษของประธานอาเซียนจะมีบทบาทช่วยสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ และสร้างบรรยากาศสำหรับการหารือที่สร้างสรรค์ระหว่างกลุ่มต่างๆ ได้ การยุติความรุนแรง และการแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี โดยการพูดคุยและหารือระหว่างทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ควรจะยังคงดำเนินต่อไป และกระจายไปสู่ทุกฝ่ายอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว

โดยนายกรัฐมนตรี หวังว่าในฐานะสมาชิกครอบครัวอาเซียน เมียนมาจะไว้ใจในการช่วยเหลือให้เมียนมาบรรลุสันติภาพ และความสมานฉันท์ รวมทั้งกลับคืนสู่กระบวนการประชาธิปไตย เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนเมียนมา และเพื่อสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาค

ไทยยินดีกับความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ ของบรูไนฯ และพร้อมสนับสนุนกัมพูชาในการเป็นเจ้าภาพอาเซียนปีหน้า ทั้งนี้ บรูไนฯ ในฐานะประธานอาเซียนจะออกแถลงการณ์ประธาน (Chairman’s Statement) สำหรับการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 38 และ 39 รวมกันในฉบับเดียว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ต.ค. 64)

Tags: , , ,