นายกฯ พอใจภาพรวมฉีดวัคซีนคืบหน้า มั่นใจครบตามเป้าสิ้นปีเปิดประเทศปลอดภัย

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พอใจความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนทุกกลุ่มตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งขณะนี้มีผู้ได้รับวัคซีนเข็ม 1 แล้ว 51% และเข็ม 2 อีก 35% หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของประชากรกลุ่มเป้าหมาย

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขรายงานข้อมูลการฉีดวัคซีนโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-16 ต.ค.64 มียอดสะสมทั้งประเทศอยู่ที่ 65 ล้านโดสแล้ว แบ่งเป็นเข็มที่ 1 ฉีดสะสมจำนวน 37,609,600 ราย คิดเป็น 51% ของประชากร เข็มที่ 2 ฉีดสะสมจำนวน 26,007,497 ราย คิดเป็น 35% ของประชากร และเข็มที่ 3 ฉีดสะสม จำนวน 1.8 ล้านราย

“รัฐบาลมั่นใจว่าจะฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนทั้งประเทศได้ตามเป้าหมายที่กำหนดคือ 100 ล้านโดส ครอบคลุมคนไทย จำนวน 50 ล้านคน คิดเป็น 70% ของจำนวนประชากร ภายในปี 2564 ได้สำเร็จ และสอดคล้องกับจำนวนวัคซีนที่ไทยได้รับมาในปี 2564 ทั้งวัคซีนที่รัฐจัดหาและวัคซีนทางเลือกรวมกว่า 179 ล้านโดส” นายธนกร กล่าว

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าการฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้กับกลุ่มนักเรียน/นักศึกษา หลังจากนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน Kick Off ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับนักเรียนทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงศึกษาธิการรายงานข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 15 ต.ค.64 มีจำนวนนักเรียน/นักศึกษารวมทั้งหมด 5 ล้านคน แสดงความประสงค์รับวัคซีน 3.7 ล้านคน คิดเป็น 74.15% นักเรียน/นักศึกษาที่ได้รับวัคซีนแล้ว 902,186 คน คิดเป็น 24.25% ขณะที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้ให้บริการฉีดวัคซีนนักศึกษาและบุคลากรกว่า 1 ล้านคน โดยหวังว่า ระบบการเรียนการสอนของไทยทั้งระดับพื้นฐานและอุดมศึกษา ส่วนใหญ่สามารถกลับมาเปิดการเรียนการสอนในรูปแบบปกติภายในเดือน พ.ย.นี้

ส่วนกระทรวงยุติธรรมได้ฉีดวัคซีนเข็มแรกให้กับผู้ต้องขังแล้ว 212,932 คน จากจำนวนทั้งหมด 284,190 คน และผู้ต้องขังฉีดวัคซีนครบสองเข็มจำนวน 66,416 ราย ส่วนผู้ต้องขังจำนวน 71,258 คน เป็นผู้ติดเชื้อโควิดที่ต้องรอการฉีดวัคซีนหลังจากหายป่วยแล้ว 1-3 เดือน การฉีดวัคซีนให้ผู้ต้องขังจำนวนมากนี้จะทำให้การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดในเรือนจำลดลงต่อเนื่องด้วย

“นายกรัฐมนตรีฝากชื่นชมการฉีดวัคซีนโควิด -19 ของไทยที่มีการพัฒนาการอย่างรวดเร็วนี้ สะท้อนความสามารถในการจัดหาวัคซีนและการผนึกกำลังของภาครัฐ เอกชน ประชาชนและทีมแพทย์ ที่ได้จัดจุดบริการฉีดวัคซีนทั้งในและนอกโรงพยาบาล เช่น สนามกีฬา มหาวิทยาลัย ศูนย์การประชุม ศูนย์การค้า สำหรับบริการประชาชนทั่วประเทศ และที่สำคัญ คือ ความร่วมมือกันของประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมายที่พร้อมใจกันฉีดวัคซีนด้วยความสมัครใจเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เกิดขึ้น มั่นใจไทยมีความพร้อมสู่การเปิดประเทศอย่างปลอดภัยในปลายปีนี้ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศไว้” นายธนกร กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ต.ค. 64)

Tags: , , ,