นายกฯ ญี่ปุ่นเตือนถึงผลกระทบทางการค้า หลัง “ไบเดน” ขวางดีลซื้อกิจการ “ยูเอส สตีล”

ชิเงรุ อิชิบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เตือนถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการค้าระหว่างญี่ปุ่นกับสหรัฐฯ หลังประธานาธิบดีโจ ไบเดน ตัดสินใจขัดขวางข้อเสนอมูลค่า 1.41 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ของบริษัทนิปปอน สตีล (Nippon Steel Corp.) ในการเข้าซื้อกิจการบริษัทยูเอส สตีล (United States Steel Corp.)

การแสดงความเห็นของอิชิบะมีขึ้นในขณะที่ นิปปอน สตีล ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่อันดับ 4 ของโลก เตรียมยื่นฟ้องร้องการตัดสินใจดังกล่าวของปธน.ไบเดนเมื่อวันศุกร์ (3 ม.ค.) โดยผู้บริหารรายหนึ่งของนิปปอน สตีล เผยว่า บริษัทจะจัดงานแถลงข่าวในวันพรุ่งนี้ (7 ม.ค.)

อิชิบะกล่าวในการแถลงข่าวครั้งแรกของปี 2568 ในวันจันทร์ (6 ม.ค.) ว่า เขาต้องการคำชี้แจงเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติตามที่ปธน.ไบเดนกล่าวอ้าง

“เป็นเรื่องจริงที่ว่า แวดวงธุรกิจญี่ปุ่นได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการลงทุนในอนาคตระหว่างญี่ปุ่นกับสหรัฐฯ” นายกฯ ญี่ปุ่นกล่าว “เราจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง”

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ทาดาชิ อิมาอิ ประธานบริษัทนิปปอน สตีล ระบุในแถลงการณ์ที่ออกในวันจันทร์ว่า “เราจะทำทุกวิถีทางที่เป็นไปได้” และ “เราจะไม่ยอมล้มเลิกการขยายการดำเนินงานในสหรัฐฯ” ซึ่งเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของบริษัทที่จะท้าทายการตัดสินใจของไบเดน

คำสั่งของไบเดนนั้นถือเป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สั่งห้ามข้อตกลงควบรวมกิจการและซื้อกิจการที่เกี่ยวข้องกับบริษัทญี่ปุ่น โดยเขาอ้างว่าการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวเสี่ยงกระทบต่อความมั่นคงของชาติและห่วงโซ่อุปทานของประเทศ

ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า ความเคลื่อนไหวของปธน.ไบเดนเป็นกลยุทธ์ทางการเมืองเพื่อชนะใจสหภาพแรงงานเหล็กกล้า (United Steelworkers union) ซึ่งเป็นกลุ่มผู้สนับสนุนคนสำคัญของพรรคเดโมแครตและคัดค้านแผนซื้อกิจการของนิปปอน สตีล

นอกจากนี้ การตัดสินใจของปธน.ไบเดน ซึ่งกำลังจะพ้นจากตำแหน่ง ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์จากชุมชนธุรกิจญี่ปุ่น โดยบางคนยืนกรานว่า เขาได้สร้างบรรทัดฐานที่ไม่ดีให้แก่บริษัทอื่น ๆ ที่ต้องการเข้าซื้อกิจการในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของญี่ปุ่น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ม.ค. 68)

Tags: , ,