นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานมอบอุปกรณ์ป้องกันและตอบโต้กลุ่มผู้ค้ายาเสพติด ให้กับ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) ว่า ปัญหายาเสพติด ถือเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งรัฐบาลร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทัพ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และกระทรวงสาธารณสุข ที่ได้ดำเนินการกวาดล้างตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยเน้นไปที่ จ.น่าน และ จ.ร้อยเอ็ดก่อน เพื่อทำให้เป็นจังหวัดสีขาวทั้งหมด
“ปัญหายาเสพติด กัดกร่อนสังคมไทยมานาน ถึงเวลาต้องกำจัดให้หมดไป จากการที่ทุกหน่วยงานได้ลงพื้นที่ไป มีหลายขั้นตอนที่ต้องแก้ปัญหา จึงจำเป็นต้องตัดซัพพลายเชนทั้งหมด เพื่อเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นตอของยาเสพติด ซึ่งส่วนใหญ่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว หรือเมียนมา” นายเศรษฐา กล่าว
สำหรับอุปกรณ์ที่ส่งมอบให้นี้ ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ประกอบด้วย โดรนตรวจการณ์ พร้อมกล้องอินฟราเรด, กล้องดักถ่ายภาพแบบไร้สาย, เครื่องเอกซเรย์แบบพกพา, กล้องอำพรางแบบเคลื่อนที่, ระบบต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ หรือ แอนตี้-โดรน, เครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์, กล้องตรวจการณ์เวลากลางวัน, กล้องตรวจการณ์เวลากลางคืน, กล้องบันทึกการปฏิบัติงานแบบบุคคล, กล้องติดตัว WOLFCOM ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่เหมาะกับการใช้ในงานรักษาความปลอดภัยและการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อเพิ่มความปลอดภัย และการตรวจสอบข้อมูลในภาคสนาม
“อุปกรณ์ในการป้องกันและตอบโต้กลุ่มผู้ค้ายาเสพติด ถือเป็นเรื่องสำคัญ ประกอบกับอาทิตย์ที่ผ่านมา เกิดการสูญเสียของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามยาเสพติด ซึ่งส่วนหนึ่ง อาจจะมีอุปกรณ์ไม่ครบ ทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้ จึงได้เน้นกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ว่าเรื่องอุปกรณ์ และเทคโนโลยีเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นรถโฟวีลที่ใช้กับพื้นที่ภาคเหนือ ที่มีพื้นที่ราบสูงเยอะ หรือต้องใช้โดรนในการสำรวจพื้นที่ต่าง ๆ” นายเศรษฐา กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้สั่งการให้เลขาธิการ ป.ป.ส.ไปดูว่าการขนถ่ายยาเสพติดในประเทศมีความซับซ้อนอย่างไรบ้าง เพราะการขนถ่ายยาเสพติดจากเม็กซิโกเข้าไปยังสหรัฐอเมริกา มีการใช้โดรนในการขนส่ง ดังนั้นจึงต้องประชุม และเตรียมข้อมูลมากขึ้น และไม่ใช่เพียงยาบ้าเพียงอย่างเดียว เรื่องเฮโรอีนก็เป็นเรื่องสำคัญ และตลาดสำคัญที่ส่งออกเฮโรอีน คือ สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย ซึ่งบ่ายวันนี้จะมีการหารือกับทูตออสเตรเลียในการทำงานร่วมกันเพื่อตัดตอนการขนส่งเฮโรอีน รวมถึงจะมีการหารือกับทูตสหรัฐอเมริกาในสัปดาห์หน้า
นอกจากนี้ จะเดินทางไปประชุมที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อพูดคุยถึงขั้นตอนการยึดทรัพย์ที่ต้องกระชับรวดเร็วมากขึ้น เพราะหากยังยึดทรัพย์ไม่ได้ จะมีเงินทุนไปจ้างผลิตต่อ รวมถึงเรื่องการสร้างขวัญกำลังใจ และผลตอบแทนให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน
พร้อมระบุว่า อยากให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ป.ป.ส. และ ป.ป.ง. เร่งดำเนินการขยายผลปราบปรามยาเสพติด เพื่อให้มีการบังคับใช้และกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด บูรณาการเรื่องของกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อยึดอายัดทรัพย์ของกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดกับวงจรของผู้ค้ายาเสพติด โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยให้ความร่วมมือในการสืบทรัพย์ของผู้กระทำความผิด เพื่อประโยชน์ของการปราบปรามทำลายโครงสร้างยาเสพติด
โดยขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บูรณาการความร่วมมือในการแก้ปัญหาเว็บพนันออนไลน์ด้วย เร่งทำงานเชิงรุกปิดเว็บไซต์ ขยายผลถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และใช้มาตรการทางกฎหมายในการยึดทรัพย์อย่างเข้มงวด ตัดวงจรการกระทำผิด และตัดวงจรของเจ้าของเว็บไซต์ โดยสิ้นไตรมาสนี้ จะมาหารือกันอีกครั้ง โดยเฉพาะการตัดตอน เพราะหากไม่มีเงินทุน ก็ทำไม่ได้
“ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำงานร่วมกันกับ ป.ป.ง . กสทช. ธนาคารแห่งประเทศไทย ดีเอสไอ ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ ตัดตอนการโอนเงิน โดยเฉพาะการแก้ไขบัญชีม้า ไปจนถึงการยึดทรัพย์ เพื่อมาเยียวยาผู้เสียหาย ตลอดจนหาแนวทางการแก้ไขธุรกรรมทางการเงินให้รัดกุม เพื่อไม่ให้ประชาชนถูกหลอกลวง” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนสถานการณ์การสู้รบที่เมียนมาตามแนวชายแดน ทำให้ชนกลุ่มน้อยเพิ่มกำลังการผลิตยาเสพติดมากขึ้นนั้น เป็นอีกที่เรื่องสำคัญและต้องมาหารือกัน ซึ่งไม่ใช่ปัญหายาเสพติดเพียงอย่างเดียว แต่เป็นปัญหาความสำคัญระหว่างประเทศด้วย แม้จะเป็นประเด็นปัญหาความมั่นคงภายในเมียนมา ซึ่งไทยไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเมียนมา ต้องให้กระทรวงการต่างประเทศช่วยประสานงานด้วย
ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ที่มีหน้าที่สำคัญในการบำบัด ฟื้นฟู ดูแล จะทำงานร่วมกับทางกองทัพ โดยเฉพาะที่มณฑลทหารบกที่ 38 (มทบ.38) ที่ จ.น่าน ก็ถือเป็นโมเดลที่ดีในการบำบัดยาเสพติด ซึ่งภารกิจนี้ ต้องรวบรวมหลายกระทรวง และหลายหน่วยงาน และต้องมีความเข้าใจ และควาสามัคคีในการร่วมกันแก้ปัญหา
“การแก้ปัญหา แม้จะอุ่นใจที่ทุกหน่วยงานร่วมกันทำงานในนามทีมไทยแลนด์ แต่ไม่อุ่นใจในแง่ปัญหาที่เยอะมาก และต้องเร่งแก้ปัญหาต่อไป” นายเศรษฐา กล่าว
ด้าน พล.ท.ประสาน แสงศิริลักษณ์ แม่ทัพภาคที่ 3 และ พล.ต.ประพัฒน ภพสุวรรณ ผบ.กองกำลังผาเมือง กล่าวว่า เป็นเรื่องดีที่ผู้บังคับบัญชาให้กำลังใจและช่วยแก้ปัญหา ยังม่ความต้องการอุปกรณ์และเทคโนโลยีต่างๆ อีกจำนวนมาก เพราะช่วยลดการสูญเสียได้ และมีประโยชน์ ทดแทนของเก่าที่เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา โดยเราต้องเน้นความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่เป็นหลัก เพราะถ้าปะทะแล้วมีการสูญเสียก็ไม่คุ้ม
ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปยังสำนักงาน ปปง. ซึ่งภายหลังจากรับฟังรายงานการดำเนินงานด้านยาเสพติด ของสำนักงาน ปปง.แล้ว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาใหญ่ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก รัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหายาเสพติด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของในด้านผู้ค้า ผู้เสพ การฟื้นฟูเยียวยา แต่วันนี้จะโฟกัสเรื่องของผู้กระทำความผิดก่อน โดยต้องแยกผู้ป่วยออกมา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ
ปัจจุบัน แม้จะสามารถจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดได้จำนวนมาก แต่ราคายาบ้าก็ยังไม่เพิ่มขึ้น ต้นทุนการผลิตต่ำ และมีการลักลอบนำเข้ามามาก ถ้าเราจับหรือยึดทรัพย์ได้ ก็ต้องรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด หน่วยงานนี้เป็นหน่วยงานที่มีอำนาจพิเศษ มีอำนาจสูง ดังนั้น กรณีที่ต้องมีการยึดทรัพย์ อยากให้กระทำโดยเร็ว อย่าให้เป็นที่เป็นข้อครหานินทากับคนอื่น และอยากให้เข้มงวดมากขึ้นในเรื่องของการทำงานเชิงรุก ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ
“ไม่ใช่บางคดียึดทรัพย์ บางคดีไม่ยึดทรัพย์ และต้องพิสูจน์ทรัพย์ว่าได้มาอย่างไร และจะมีการฟอกเงินหรือไม่ อยากให้ดูขั้นตอนต่าง ๆด้วย เคสเล็ก ๆ เข้ามาเยอะ ไม่ใช่ว่าไม่ให้ทำ แต่ให้เรียงลำดับความสำคัญ กรณีเคสใหญ่มีวงเงินมากอย่ามัวแต่ช้า ต้องเร่งปฏิบัติในการยึดทรัพย์ เพราะทุกวันนี้ธุรกรรมทางการเงิน เรื่องการโยกย้ายสะดวกสบายผ่านวิธีการต่าง ๆ เรามีกฎหมายอยู่แล้ว มีอำนาจอยู่แล้ว ต้องใช้อำนาจยึดมาก่อน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ก.ค. 67)
Tags: ป.ป.ส., ปปง., ยาเสพติด, เศรษฐา ทวีสิน