การที่หน่วยงานกำกับดูแลกฎระเบียบระดับสูงของสหรัฐดำเนินคดีความกับบริษัทไบแนนซ์ โฮลดิงส์ ของนายจ้าว ฉางเผิงนั้นส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วนนอกเหนือไปจากบริษัทไบแนนซ์ โดยสั่นคลอนบริษัทสหรัฐที่เจ้าหน้าที่ระบุว่า ทำการร่วมกับไบแนนซ์ในการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี
ทั้งนี้ การที่คณะกรรมาธิการการค้าสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์สหรัฐ (CFTC) ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อตกลงที่บริษัทเทรดดิ้ง 3 แห่งของสหรัฐทำกับไบแนนซ์ ได้สร้างความวิตกกังวลไปทั่วทั้งอุตสาหกรรมเทรดดิ้งที่พึ่งพาใบอนุญาตจากสหรัฐเพื่อดำเนินธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์ อย่างไรก็ตาม CFTC ไม่ได้เปิดเผยชื่อบริษัททั้ง 3 แห่ง
บริษัทเทรดดิ้งของสหรัฐเผชิญความเสี่ยงสูงเป็นพิเศษจากการเคลื่อนไหวครั้งนี้ เนื่องจากแม้บริษัทจำนวนมาเริ่มเข้ามาทำธุรกิจในด้านคริปโทฯ แต่หุ้นและสินทรัพย์ดั้งเดิมชนิดอื่น ๆ ยังคงเป็นแหล่งรายได้หลัก หากหน่วยงานกำกับดูแลกฎระเบียบสหรัฐดำเนินการผิดพลาดก็อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการดำเนินธุรกิจแบบเป็นวงกว้าง
“บริษัทสหรัฐมีแนวโน้มเผชิญความเสี่ยงกว่าไบแนนซ์อย่างมาก” นางอูร์สกา เวลิกอนยา อาจารย์ประจำสถาบันสอนกฎหมายจอร์จ ลอว์ระบุ พร้อมกล่าวเสริมว่า “ความเสี่ยงสำคัญที่บริษัทเหล่านี้เผชิญคือความเสี่ยงที่จะสูญเสียใบอนุญาตในการดำเนินธุรกิจในฐานะนายหน้าและผู้ค้าในสหรัฐ”
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าคดีความของไบแนนซ์จะออกมาในรูปใด แต่ไบแนนซ์ไม่ได้มีฐานอยู่ในสหรัฐ ทว่าบริษัทเทรดดิ้งสหรัฐจำนวนมากจดทะเบียนเป็นนายหน้ากับสำนักงานกำกับดูแลอุตสาหกรรมการเงินของสหรัฐ (FINRA) และอยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานอื่น ๆ ของสหรัฐ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 มี.ค. 66)
Tags: Binance, CFTC, Cryptocurrency, คริปโทเคอร์เรนซี, ไบแนนซ์