กิจกรรมในภาคการผลิตของจีนมีแนวโน้มขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนธ.ค. ซึ่งอาจช่วยให้เจ้าหน้าที่จีนมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นหลังจากที่พยายามใช้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศ ขณะเดียวกันทางการจีนก็กำลังเตรียมรับมือกับการที่สหรัฐฯ จะเดินหน้าเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน
นักเศรษฐศาสตร์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนจะยังคงอยู่ที่ 50.3 ในเดือนธ.ค. ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับในเดือนพ.ย. โดยดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนยังคงขยายตัว
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) มีกำหนดเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตประจำเดือนธ.ค. ในวันพรุ่งนี้ (31 ธ.ค.) เวลา 08.30 น.ตามเวลาไทย
บรรดาผู้นำของจีนต่างคาดหวังว่า มาตรการสนับสนุนในด้านต่าง ๆ ที่มีการประกาศใช้ในช่วงปลายปีนี้จะช่วยพยุงตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้ฟื้นตัวขึ้น และคาดหวังว่ามาตรการดังกล่าวอาจจะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มผู้ผลิตในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลง โดยจะช่วยลดความเสี่ยงจากผลกระทบที่อาจเกิดการที่โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเพิ่มเติมจากจีน
อย่างไรก็ดี ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. ที่ออกมาไม่สอดคล้องกันนั้น สะท้อนให้เห็นว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนของจีนยังคงเผชิญกับความท้าทายในช่วงเวลาที่กำลังก้าวเข้าสู่ปี 2568
NBS เปิดเผยเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ว่า ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. ปรับตัวขึ้นเพียง 3% ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากจากเดือนต.ค. ที่พุ่งขึ้น 4.8% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.6%
ส่วนการผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้น 5.4% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการขยายตัวรวดเร็วขึ้นหลังจากที่ปรับตัวขึ้น 5.3% ในเดือนต.ค. และแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 5.3%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ธ.ค. 67)