นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยผ่านรายการโทรทัศน์ว่า กรณีแชทหลุดของผู้บริหารบริษัท บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (EASTW) หรืออีสต์วอเตอร์ ที่สั่งการพนักงานในบริษัทฯ ไม่ให้ข้อมูลประเด็นโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก (โครงการท่อส่งน้ำ EEC) นั้น ต้องมีการพิสูจน์ต่อไปว่าแชทดังกล่าวเป็นของจริงหรือไม่ โดยต้องให้พนักงานสอบสวนหรือตำรวจที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ดำเนินการ
ทั้งนี้ ถ้าแชทดังกล่าวเป็นของจริง ก็ต้องดำเนินการตามกฏหมายต่อไป โดยต้องดูว่าเข้าลักษณะเป็นการขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฎิบัติหน้าที่ทางอาญาหรือไม่ และต้องดูว่าการกระทำดังกล่าวมีเจตนาหรือไม่ ซึ่งต้องดูพฤติกรรมอื่นๆ ประกอบนอกจากข้อความในแชทด้วย
“ผมเห็นข้อความในแชทไลน์แล้ว ก็ต้องดำเนินการตามหน้าที่ขอความอนุเคราะห์ไปเพื่อตรวจสอบ เพื่อประโยชน์ในการส่งมอบทรัพย์สิน ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น ทั้งนี้ การที่จะดำเนินการดังกล่าวนั้น ต้องมีข้อเท็จจริงที่เป็นทางการมาที่ผม หรือผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง เช่น นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการที่ราชพัสดุ หลังจากนั้นท่านก็ต้องสั่งการให้ดำเนินการตามหน้าที่ เป็นกระบวนการตามกฏหมาย”
นายประภาศ กล่าว
สำหรับหนังสือตอบกลับของบริษัทอีสต์วอเตอร์ เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 65 ที่ระบุว่า หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย และบริษัทฯ จัดเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับสถานที่ และข้อมูลที่เกี่ยวข้องแล้ว บริษัทฯ ยินดีจะให้ความร่วมมือและอำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ของกรมธนารักษ์ โดยบริษัทฯ จะมีหนังสือแจ้งกำหนดวันและเวลาให้ทราบต่อไป
นายประภาศ กล่าวว่า ขณะนั้นที่บริษัทมีหนังสือตอบกลับมา มาตรการโควิด-19 ยังเข้มงวดอยู่ จึงถือว่ายังยอมรับได้ระดับหนึ่ง ทั้งนี้ ในวันนั้นเจ้าหน้าที่ของกรมธนารักษ์ได้เดินทางไปตรวจสอบ แต่ไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ อยู่ได้แต่บริเวณรอบนอกเท่านั้น และหลังจากวันนั้น ก็ยังไม่มีการเข้าพื้นที่อีก
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการลงนามในสัญญา ทั้งนี้ ได้เตรียมการว่าเมื่อมีการลงนามในสัญญาแล้ว คู่สัญญารายใหม่ถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ดังนั้น จะให้กรมธนารักษ์ และบริษัทอีสต์วอเตอร์ รวมทั้งคู่สัญญารายใหม่ลงพื้นที่พร้อมกัน เพื่อทำการตรวจสอบทรัพย์สิน และดูว่าทรัพย์สินรายการไหนที่จะต้องมีการดำเนินการ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงต่อผู้บริโภค โดยยืนยันได้ว่าจะไม่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อผู้ใช้น้ำ คู่สัญญารายใหม่ต้องเตรียมการให้พร้อม พร้อมเมื่อใดก็ส่งมอบเมื่อนั้น แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นวันไหน
“สำหรับท่อส่งน้ำทั้ง 3 ท่อ จะต้องส่งมอบ 2 ท่อที่ไม่มีสัญญาก่อน ส่วนท่อหลัก ส่งมอบเมื่อสิ้นสัญญาปีหน้า ทั้งนี้ จะต้องมีการลงนามในสัญญาก่อน โดยให้เจ้าหน้าที่ของกรมธนารักษ์ พร้อมด้วยบริษัทคู่สัญญารายใหม่ และบริษัทอีสต์วอเตอร์ เข้าไปตรวจสอบพร้อมกันเพื่อดำเนินการส่งมอบ โดยหลังจากลงนามก็สามารถเข้าไปตรวจสอบในพื้นที่จริงได้ทันที แต่โดยหลักการกรมธนารักษ์ต้องแจ้งบริษัทอีสต์วอเตอร์ให้รับทราบก่อน เป็นขั้นตอนทางกฏหมาย”
นายประภาศ กล่าว
นายประภาศ กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อตรวจสอบความโปร่งใสของการประมูลสัมปทานดังกล่าว วันนี้จะเสนอไปยังกระทรวงการคลัง เพื่อขอตั้งคณะกรรมการ โดยคาดว่าจะเสนอไปยังนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เพื่อความโปร่งใส เนื่องจากนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เป็นคณะกรรมการที่ราชพัสดุ โดยคาดว่าจะทราบผลการตรวจสอบภายใน 7 วัน
ในส่วนของการตรวจสอบการส่งรายได้เข้ารัฐย้อนหลัง 30 ปีนั้น เป็นหน้าที่โดยตรงของกรมธนารักษ์ ซึ่งก็เหมือนการตรวจสอบภาษีของกรมเก็บภาษี โดยเป็นการตรวจสอบว่าที่ผ่านมามีการส่งรายได้ถูกต้องหรือไม่ อย่างไรก็ดี ยังไม่ต้องดำเนินการทันที แต่หากมีข้อเท็จจริงที่ไม่ถูกต้อง ก็เป็นหน้าที่ทางกฏหมายที่ต้องดำเนินการต่อไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 พ.ค. 65)
Tags: EEC, กรมธนารักษ์, ท่อส่งน้ำ, ประภาศ คงเอียด