สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี (21 ก.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัยกดดันตลาด
- ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 27.50 ดอลลาร์ หรือ 1.40% ปิดที่ 1,939.60 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 14.90 เซนต์ หรือ 0.63% ปิดที่ 23.687 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 17.70 ดอลลาร์ หรือ 1.88% ปิดที่ 924.60 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 11.8 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 1,269 ดอลลาร์/ออนซ์
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.23% แตะที่ระดับ 105.3620 ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 4.468% เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ ส่วนการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้น หลังจากเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเมื่อวันพุธ (20 ก.ย.) แต่ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งภายในสิ้นปีนี้ และส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปี 2567 จากเดิมที่เฟดคาดการณ์ว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 2 ครั้งในปีหน้า ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงนานกว่าที่คาดไว้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ ข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังเป็นปัจจัยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานาน โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 20,000 ราย สู่ระดับ 201,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2566 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 225,000 ราย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ก.ย. 66)
Tags: COMEX, ทองคำนิวยอร์ก, ราคาทอง, ราคาทองคำ