ทรีนีตี้ ให้กรอบ SET พ.ค. 1,500-1,630 จุดครึ่งแรกสดใสก่อนเลือกตั้งแต่ครึ่งหลังระวัง Sell on fact

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยถึงทิศทางการลงทุนเดือนพฤษภาคม 2566 ว่า สำหรับภาพตลาดหุ้นไทยในเดือนพฤษภาคมให้กรอบดัชนีที่ระดับ 1500-1630 จุด คาดการณ์ปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งเดือนแรก จากปัจจัยทั้งภายในและภายนอก โดยปัจจัยภายใน มองไปยังปรากฏการณ์ Election rally ที่มักเกิดขึ้นก่อนหน้าการเลือกตั้งจริงราว 2 สัปดาห์ ซึ่งน่าจะทำให้เกิดแรงเก็งกำไรในกลุ่มหุ้น Domestic ขึ้นมาได้

ส่วนในฝั่งของปัจจัยต่างประเทศนั้น มองไปยังปรากฏการณ์ Buy on Fact ที่น่าจะเกิดขึ้นหลังการประชุม FOMC วันที่ 3 พ.ค. เนื่องจากประเมินว่าการประชุมครั้งนี้มีโอกาสน้อยที่จะเกิดเหตุการณ์ Surprise ในทางลบ จากการที่จะไม่มีการเผยแพร่ประมาณการ Dot plots รอบใหม่ออกมา รวมถึงโทนของ Statement และการให้สัมภาษณ์ของนาย Jerome Powell ที่ไม่น่าจะมีทิศทาง Hawkish มากนักแล้ว ในภาวะที่ระบบธนาคารสหรัฐฯยังมีความไม่แน่นอนอยู่ รวมถึงแรงกดดันเงินเฟ้อชะลอลงต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งเดือนหลังของเดือนพ.ค. โดยเฉพาะในช่วงหลังจากการเลือกตั้งผ่านพ้นไปแล้วราว 1 สัปดาห์ แนะนำให้ใช้ความระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผลการเลือกตั้งที่ออกมาไม่สามารถก่อให้เกิดกรณีที่พรรคแกนนำสามารถรวมเสียงได้เกิน 375 ที่นั่ง หากเป็นเช่นนี้ คาดว่าอาจเห็นปรากฏการณ์ Sell on fact ในตลาดเกิดขึ้นภายหลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้นได้ราว 1 สัปดาห์ คล้ายกับสถิติที่เคยเกิดขึ้นในอดีต

นอกจากนั้น ในส่วนของปัจจัยด้านนโยบายการเงิน หากที่ประชุมกนง.ในวันที่ 31 พ.ค.มีมติให้ขึ้นดอกเบี้ยต่ออีก 0.25% ไปอยู่ที่ 2.00% จะทำให้เกิดปรากฏการณ์ PE Contraction ขึ้นในตลาดได้ ส่งผลให้ระดับ PE Multiple ที่เหมาะสมในตลาดจะถูกลดทอนลงมาจนกระทบกับระดับ SET ที่เหมาะสมในกรณีต่างๆ ด้วยเช่นกัน

ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำถือครองหุ้นที่ได้เข้าสะสมมาก่อนหน้านี้ เพื่อคาดหวังการขายทำกำไรในช่วงกลางเดือนพ.ค. หรืออย่างช้าหลังจากการเลือกตั้งราว 1 สัปดาห์ โดยกลุ่มหุ้นที่แนะนำถือครองยังคงได้แก่ กลุ่มภาคบริการของไทยที่ยังคงเห็น Demand แข็งแกร่ง ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น ทนทานต่อแรงกดดันเงินเฟ้อ และมักอยู่ในธีม Election rally ในอดีต อย่างกลุ่มธนาคาร (BBL, KTB) โรงพยาบาล (BH, BDMS) และค้าปลีก (CPALL, MAKRO, BJC) ผสมผสานกับกลุ่มหุ้นที่มีธีมสนับสนุนในช่วง 1 เดือนข้างหน้า อย่างเช่น หุ้นที่ทางบล.ทรีนีตี้คำนวณว่าจะถูกคัดเลือกเข้าสู่ดัชนี SET50 ในรอบถัดไปซึ่งได้แก่ TLI และ WHA ส่วนหุ้นที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเลือกตั้งที่อาจเป็นสีสันสำหรับการเก็งกำไรในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือน มองไปยัง SC, SIRI, PR9 เป็นต้น

นายณัฐชาต กล่าวเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์อื่นนอกเหนือจากปัจจัยข้างต้นที่น่าติดตามในเดือนพ.ค.นี้ได้แก่ 1. ปฏิกิริยาของราคาน้ำมันดิบ หลังเริ่มต้นมาตรการลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ รอบใหม่เป็นจำนวน 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน 2. การประชุมธนาคารกลางยุโรปในวันที่ 4 พ.ค. ตลาดคาด ECB จะมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% 3. การประกาศรายชื่อสมาชิกชุดใหม่ของดัชนี MSCI ในวันที่ 11 พ.ค. 4. การประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/66 ของบริษัทจดทะเบียนที่เหลือ และแนวโน้มการปรับประมาณการของนักวิเคราะห์ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อคาดการณ์ EPS ของตลาดและ Valuation ของดัชนี 5. พัฒนาการของหุ้น STARK เกี่ยวกับการส่งงบฯ และ 6. พัฒนาการของหุ้น DELTA หลังการแตกพาร์ ซึ่งจะส่งอิทธิพลต่อดัชนีได้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 พ.ค. 66)

Tags: , ,