ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์ว่า เขาไม่อยากเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ซึ่งถือเป็นการแสดงท่าทีประนีประนอมล่าสุดต่อจีน แม้ว่าเขายังคงขู่ที่จะดำเนินมาตรการภาษีศุลกากรเป็นวงกว้างก็ตาม
“เรามีอำนาจอย่างหนึ่งที่เหนือจีนอย่างมาก นั่นคือภาษีศุลกากร และพวกเขาไม่ต้องการสิ่งนี้” ปธน.ทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับ ฌอน แฮนนิตี ผู้ดำเนินรายการของฟ็อกซ์นิวส์ ซึ่งออกอากาศเมื่อวันพฤหัสบดี (23 ม.ค.) และกล่าวเสริมว่า “ผมไม่อยากใช้มาตรการภาษีศุลกากร แต่มันเป็นอำนาจต่อรองที่ทำให้เราอยู่เหนือจีนอย่างมาก”
ในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ยืนยันว่าเขายังคงชื่นชมจีนและประธานาธิบดีสี จิ้นผิง โดยกล่าวว่าผู้นำจีน “เป็นเหมือนเพื่อนของผม” และการสนทนากันทางโทรศัพท์เมื่อไม่นานมานี้ “เป็นไปด้วยดีและเป็นมิตร”
“ผมมีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับเขาก่อนโควิดระบาด จีนเป็นประเทศที่มีความทะเยอทะยานอย่างมาก และเขาก็เป็นคนที่มีความทะเยอทะยานมากเช่นกัน”
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ในวันที่สองของการดำรงตำแหน่ง ปธน.ทรัมป์ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 10% ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.เป็นต้นไป เนื่องจากจีนปล่อยให้เฟนทานิลไหลทะลักเข้าอเมริกา ส่วนในช่วงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ปธน.ทรัมป์เสนอว่าจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในอัตรา 60% ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ระบุว่าอาจสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจจีนที่พึ่งพาการส่งออก
ในการให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์ครั้งนี้ ทรัมป์ได้แสดงความเห็นที่ครอบคลุมหลายประเด็น รวมถึงความท้าทายระดับโลกที่เขาเผชิญในสัปดาห์แรกของการดำรงตำแหน่ง โดยเขาขู่ที่จะใช้บทลงโทษทางการเงินอย่างหนักต่อรัสเซียหากไม่เจรจายุติสงครามในยูเครน รวมทั้งเรียกผู้นำอิหร่านว่า “คลั่งศาสนา” และยังกล่าวด้วยว่าเขาวางแผนจะติดต่อกับคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ม.ค. 68)
Tags: จีน, ภาษีศุลกากร, สหรัฐ, โดนัลด์ ทรัมป์