กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยในวันจันทร์ (15 พ.ค.) ว่า ชาวต่างชาติซื้อพันธบัตรของสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปีในเดือนมี.ค. โดยนักลงทุนต้องการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลซึ่งเป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดภัยหลังจากวิตกเกี่ยวกับเสถียรภาพของระบบธนาคารในเดือนมี.ค.
การถือครองพันธบัตรของสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 7.573 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนมี.ค. โดยเพิ่มขึ้นประมาณ 2.30 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐจาก 7.343 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนก่อนหน้า ซึ่งนายเจนนาดี โกลด์เบิร์ก นักกลยุทธ์อาวุโสด้านราคาของวาณิชธนกิจ ทีดี ซีเคียวริตีส์ (TD Securities) ในนิวยอร์กกล่าวว่า เป็นการถือครองพันธบัตรสหรัฐในเดือนมี.ค.มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2564
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ญี่ปุ่นยังคงเป็นประเทศที่มีการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐมากที่สุด (ไม่นับสหรัฐ) ด้วยมูลค่า 1.087 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากระดับ 1.082 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนก.พ. อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นได้ขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐส่วนใหญ่ไปในปี 2565 เพื่อหนุนค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลง
จีนซึ่งเป็นผู้ครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐรายใหญ่เป็นอันดับสอง ก็ได้เพิ่มการถือครองเป็น 8.693 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนมี.ค. จากระดับ 8.488 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2553 ซึ่งจีนถือครองพันธบัตรสหรัฐอยู่ที่ 8.437 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ จีนได้ขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐส่วนใหญ่ออกไปเมื่อปีที่แล้วเช่นเดียวกับญี่ปุ่น
ส่วนผู้อยู่อาศัยในสหรัฐได้เพิ่มการถือครองพันธบัตรต่างประเทศระยะยาว โดยซื้อสุทธิมูลค่า 2.28 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากขายสุทธิ 8.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนก.พ.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 พ.ค. 66)