ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ (26 พ.ย.) ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้า หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา และปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดภาคเช้าที่ระดับ 38,260.38 จุด ลดลง 519.76 จุด หรือ -1.34% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 19,244.63 จุด เพิ่มขึ้น 93.64 จุด หรือ +0.49% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,277.82 จุด เพิ่มขึ้น 14.06 หรือ +0.43%
ส่วนดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปรับตัวลง 0.45% และดัชนี KOSPI ลดลง 0.65%
ทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าทุกประเภทจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% เมื่อเขาเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในวันแรก และจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10% โดยระบุถึงเหตุผลเรื่องการเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายและการค้ายาเสพติด
“ในวันที่ 20 มกราคม 2568 ผมจะลงนามในเอกสารที่จำเป็นทั้งหมด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคำสั่งบริหารฉบับแรก ๆ ของผม เพื่อเก็บภาษี 25% ของสินค้าทั้งหมดจากเม็กซิโกและแคนาดาที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ” ทรัมป์โพสต์ข้อความผ่านทางแพลตฟอร์มทรูธโซเชียล (Truth Social) ในวันจันทร์ (25 พ.ย.)
ทรัมป์ระบุว่า เขาจะคงมาตรการการเก็บภาษีนี้ไว้จนกว่าเม็กซิโกและแคนาดาจะปราบปรามยาเสพติด โดยเฉพาะเฟนทานิล (fentanyl) และผู้อพยพที่ข้ามพรมแดนอย่างผิดกฎหมาย
ส่วนจีนนั้น ทรัมป์กล่าวหาจีนว่าไม่ได้ดำเนินการที่เข้มงวดเพียงพอในการหยุดยั้งการไหลเวียนของยาเสพติดที่ลักลอบข้ามพรมแดนจากเม็กซิโกเข้าสู่สหรัฐฯ
ทั้งนี้ หลังจากทรัมป์ขู่ว่าจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงวอชิงตันได้ออกแถลงการณ์ว่า ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกาหรือจีน ต่างก็ไม่มีประเทศใดเป็นผู้ชนะในสงครามการค้า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 พ.ย. 67)
Tags: ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นเอเชีย