ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าผันผวน โดยบางแห่งได้แรงหนุนหลังจีนเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตที่เพิ่มขึ้นในเดือนธ.ค.
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 29,188.16 จุด เพิ่มขึ้น 396.45 จุด หรือ +1.38% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 23,206.26 จุด ลดลง 68.49 จุด หรือ -0.29%
มาร์กิตและไฉซินเปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนพุ่งขึ้นสู่ระดับ 50.9 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 49.9 ในเดือนพ.ย. โดยดัชนี PMI เดือนธ.ค.ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีนี้ และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 50
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้ดัชนี PMI เดือนธ.ค.ของจีนขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบ 6 เดือนนั้นมาจากการผลิตที่สูงขึ้น และแรงกดดันด้านราคาชะลอตัวลง อย่างไรก็ดี ความอ่อนแอของตลาดแรงงานและความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจยังคงเป็นปัจจัยที่สร้างความไม่แน่นอนให้กับภาคการผลิต
ข้อมูลของมาร์กิตและไฉซินออกมาสอดคล้องกับรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) ซึ่งเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนธ.ค.ของจีนปรับตัวขึ้นแตะระดับ 50.3 จากระดับ 50.1 ในเดือนพ.ย. และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคการผลิตของจีนยังคงแข็งแกร่ง แม้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากการที่จีนออกมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะในเมืองซีอานซึ่งมีการควบคุมการเดินทางที่เข้มงวดทั้งขาเข้าและขาออกจากเมือง
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของในวันศุกร์นี้ ซึ่งหากตัวเลขดังกล่าวออกมาแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ก็อาจจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าเฟดอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นเดือนที่เฟดยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ม.ค. 65)
Tags: PMI, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นเอเชีย