ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันพฤหัสบดี (5 พ.ค.) เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ โดยหุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวลงหลังจากที่บวกขึ้นในช่วงเช้าโดยได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงความเห็นว่าจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงถึง 0.75%
- ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 438.26 จุด ลดลง 3.11 จุด หรือ -0.70%
- ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,368.40 จุด ลดลง 27.28 จุด หรือ -0.43%,
- ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,902.52 จุด ลดลง 68.30 จุด หรือ -0.49% และ
- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,503.27 จุด เพิ่มขึ้น 9.82 จุด หรือ +0.13%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง นำโดยหุ้นกลุ่มเดินทาง, สันทนาการ, ธนาคารและประกัน หลังตลาดได้แรงหนุนในช่วงแรกจากการที่เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ตามคาด และนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดปฏิเสธที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 0.75% ในการประชุมครั้งต่อไป
แต่หุ้นยุโรปพลิกกลับลงสู่แดนลบ หลังจากหุ้นสหรัฐเปิดตลาดวันพฤหัสบดีปรับตัวลง
ความวิตกเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว, การล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโรคโควิด-19 ของจีน, ความขัดแย้งในยูเครน และการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ ถ่วงตลาดหุ้นต่าง ๆ ลงในปีนี้ โดยดัชนี Stoxx 600 ร่วงลงมากกว่า 10% แล้ว
เงินเฟ้อของยูโรโซนแตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 7.5% ในเดือนเม.ย. ซึ่งสูงเกือบ 4 เท่าจากเป้าหมายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งทำให้คาดว่า ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ แต่ ECB ชะลอการดำเนินการดังกล่าวท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
หุ้นเครดิต สวิส ร่วงลง 2.8% หลังอายัดทรัพย์สินลูกค้ามูลค่า 1.04 หมื่นล้านฟรังก์สวิส (1.063 หมื่นล้านดอลลาร์) ในไตรมาสแรกภายใต้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียที่บุกโจมตียูเครน
อย่างไรก็ตาม การเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งได้ช่วยหนุนหุ้นรายตัว โดยหุ้นแอร์บัส พุ่งขึ้น 6.3% สวนทางตลาด หลังเปิดเผยผลกำไรรายไตรมาสเพิ่มขึ้นเกินคาด และวางแผนปรับเพิ่มการผลิตเครื่องบินแบบลำแคบราว 50%
หุ้นเชลล์ พุ่งขึ้น 3.1% ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซ หลังเชลล์รายงานผลกำไรไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันและก๊าซที่เพิ่มขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 พ.ค. 65)
Tags: ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นยุโรป