ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันอังคาร (9 พ.ค.) โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่ง ขณะที่นักลงทุนรอการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
- ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 465.41 จุด ลดลง 1.53 จุด หรือ -0.33%
- ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,397.17 จุด ลดลง 43.74 จุด หรือ -0.59%,
- ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,955.48 จุด เพิ่มขึ้น 2.65 จุด หรือ +0.02% และ
- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,764.09 จุด ลดลง 14.29 จุด หรือ -0.18%
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ของยุโรป ร่วงลงหนักที่สุด 2.9% หลังหุ้นเอสบีบี (SBB) ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของสวีเดน ร่วงลง 24.2% หลังบริษัทประกาศว่าจะหยุดการจ่ายเงินปันผลและยกเลิกแผนออกหุ้นหลังถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ
ขณะที่หุ้นอื่น ๆ ในกลุ่มเดียวกันปรับตัวลง 3.4-5.3%
หุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราที่พึ่งพาตลาดจีน อาทิ แอร์เมส, เพอร์นอด ริคาร์ด และเคอริง ร่วงลง 0.9-2.7% หลังจีนเปิดเผยข้อมูลการนำเข้าและส่งออกที่อ่อนแอ
ในบรรดาบริษัทในดัชนี STOXX 600 ที่รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกออกมาแล้วนั้น 66.3% รายงานผลประกอบการที่ดีกว่าคาด ซึ่งสูงกว่าอัตราปกติที่ราว 53%
หุ้นไดเร็ค ไลน์ อินชัวรันซ์ กรุ๊ป ของอังกฤษ ร่วงลง 4.6% หลังคาดว่าผลประกอบการจะถูกกดดันในปีนี้
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันหลังปีเตอร์ คาซิเมียร์ ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยว่า ECB อาจจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนานกว่าคาด และเดือนก.ย.อาจเป็นเวลาเร็วที่สุดในการพิจารณาว่าการคุมเข้มนโยบายการเงินมีประสิทธิภาพหรือไม่
นักลงทุนจะรอการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินว่าภาวะเงินเฟ้อชะลอลงมากพอที่จะทำให้เฟดพิจารณาลดการคุมเข้มนโยบายการเงินในเร็ว ๆ นี้หรือไม่
นอกจากนี้ นักลงทุนจะจับตาการประชุมเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดนและสมาชิกสภาฯ จากพรรครีพับลิกัน ซึ่งหากไม่มีการบรรลุข้อตกลงสหรัฐอาจผิดนัดชำระหนี้ภายใน 3 สัปดาห์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 พ.ค. 66)
Tags: ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นยุโรป