ตลาดหุ้นยุโรปปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ในวันอังคาร (18 ม.ค.) โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงมากที่สุด ขณะที่การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นของสหรัฐ สะท้อนถึงการคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนมี.ค.นี้
- ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 479.79 จุด ลดลง 4.72 จุด หรือ -0.97%
- ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,133.83 จุด ลดลง 67.81 จุด หรือ -0.94%,
- ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,772.56 จุด ลดลง 161.16 จุด หรือ -1.01% และ
- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,563.55 จุด ลดลง 47.68 จุด หรือ -0.63%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงหนักที่สุด 2.2% หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรประเภท 2 ปี ปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 1% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2563 โดยแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูงขึ้นจะกระทบผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีในอนาคต
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของยุโรปปรับตัวลง 10 วันแล้วในการซื้อขาย 12 วันในปีนี้
ตลาดหุ้นยุโรปเผชิญแรงกดดัน เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการคุมเข้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่าง ๆ , ความตึงเครียดทางการเมือง และราคาพลังงานที่พุ่งขึ้น
นักลงทุนกำลังรอดูผลการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า หลังเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงิน
นอกจากนี้ นักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4/2564 เพื่อประเมินผลกระทบของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนและปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทานที่จะมีต่อผลประกอบการของบรรดาบริษัทยุโรป
แต่หุ้นกลุ่มน้ำมันปรับตัวขึ้น 1.1% สวนทางตลาด เนื่องจากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี หลังความไม่สงบทางการเมืองในตะวันออกกลางทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันที่จำกัด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ม.ค. 65)
Tags: ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นยุโรป