ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงในวันพุธ (4 พ.ค.) โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทจดทะเบียน และนักลงทุนชะลอซื้อขายหุ้นก่อนรู้ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังปิดตลาด ซึ่งคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2543 เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
- ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 441.37 จุด ลดลง 4.83 จุด หรือ -1.08%
- ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,395.68 จุด ลดลง 80.50 จุด หรือ -1.24%,
- ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,970.82 จุด ลดลง 68.65 จุด หรือ -0.49% และ
- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,493.45 จุด ลดลง 67.88 จุด หรือ -0.90%
หุ้นกลุ่มค้าปลีกนำตลาดร่วงลง โดยหุ้นบูฮู (Boohoo) ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกสินค้าแฟชั่น ร่วงลง 12.4% หลังค่าระวาง และต้นทุนด้านโลจิสติกส์ทำให้ผลประกอบการหลักร่วงลง 28% เมื่อเทียบเป็นรายปี
หุ้นแพนโดรา ร่วง 2.1% หลังบริษัทผลิตเครื่องประดับของเดนมาร์กแห่งนี้แสดงความไม่แน่ใจมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการทั้งปี
นักลงทุนชะลอการซื้อขายหุ้นก่อนเฟดลงมตินโยบายการเงินหลังจากตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการ และคาดการณ์เพิ่มขึ้นว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยด้วย เพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกว่าการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโรคโควิด-19 ระบาดในจีน และความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซีย อาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซ ปรับตัวขึ้น 0.4% สวนทางตลาด โดยบวกตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น หลังจากสหภาพยุโรปประกาศแผนการที่จะยกเลิกการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 พ.ค. 65)
Tags: ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นยุโรป