ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หลังความตึงเครียดการค้าสหรัฐฯ-จีนคลี่คลาย

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์ในวันพุธ (23 เม.ย.) โดยได้รับแรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทซอฟต์แวร์รายใหญ่ที่สุดของยุโรปอย่าง SAP และจากการที่ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ดูเหมือนจะผ่อนคลายลง ซึ่งช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลก

  • ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 516.77 จุด เพิ่มขึ้น 9.06 จุด หรือ +1.78%
  • ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,482.36 จุด เพิ่มขึ้น 155.89 จุด หรือ +2.13%,
  • ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 21,961.97 จุด เพิ่มขึ้น 668.44 จุด หรือ +3.14% และ
  • ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,403.18 จุด เพิ่มขึ้น 74.58 จุด หรือ +0.90%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของยุโรปพุ่งขึ้น 3.9% หลังหุ้น SAP ทะยานขึ้น 10.6% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นรายวันมากที่สุดในรอบ 6 ปี หลังบริษัทเยอรมันรายนี้รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้

หุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานพุ่งขึ้น 3.3% ตามราคาทองแดงและโลหะพื้นฐานที่ปรับตัวขึ้น หลังนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน

หุ้นกลุ่มธนาคารยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ โดยปิดบวก 3.8%

สื่อต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์กำลังพิจารณาลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน โดยจะรอดูผลการเจรจากับจีนก่อนดำเนินการใดๆ และการดำเนินการจะไม่เป็นไปฝ่ายเดียว

ก่อนหน้านี้หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า ทำเนียบขาวกำลังพิจารณาลดภาษีนำเข้าสินค้าจีนเพื่อบรรเทาความตึงเครียดทางการค้า

สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวด้วยว่า เขาเชื่อว่าความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะคลี่คลายลง แต่ยอมรับว่าการเจรจาในอนาคตกับปักกิ่งจะเป็นกระบวนการที่ยากลำบากและยังไม่ได้เริ่มต้น

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกกลับมาฟื้นตัว หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่า เขาไม่มีแผนจะปลด เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แม้ก่อนหน้านี้เขาวิจารณ์เรื่องที่เฟดไม่ยอมลดดอกเบี้ย ซึ่งสร้างความกังวลเกี่ยวกับความเป็นอิสระของเฟด

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 เม.ย. 68)

Tags: ,