ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพุธ (11 พ.ค.) โดยปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน หลังได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และหุ้นที่อ่อนไหวต่อเศรษฐกิจพุ่งขึ้นขานรับสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อชะลอการขยายตัวในเดือนเม.ย.
- ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 427.59 จุด เพิ่มขึ้น 7.30 จุด หรือ +1.74%
- ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,269.73 จุด เพิ่มขึ้น 152.82 จุด หรือ +2.50%,
- ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,828.64 จุด เพิ่มขึ้น 293.90 จุด หรือ +2.17% และ
- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,347.66 จุด เพิ่มขึ้น 104.44 จุด หรือ +1.44%
ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์วันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่ปลายเดือนมี.ค. โดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่, กลุ่มรถยนต์ รวมถึงกลุ่มน้ำมันและก๊าซ พุ่งขึ้นมากกว่า 3%
การเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน และข่าวเกี่ยวกับกิจกรรมการควบรวมกิจการช่วยหนุนตลาดด้วย
หุ้นแมตช์ บริษัทบุหรี่ของสวีเดน พุ่งขึ้น 9% หลังบริษัทฟิลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชันแนล อิงค์เปิดเผยว่า จะเสนอซื้อกิจการของแมตช์เป็นเงินสดประมาณ 1.612 แสนล้านโครนสวีเดน (1.6 หมื่นล้านดอลลาร์)
หุ้นธิสเซ่นครุปป์ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 11.2% หลังปรับเพิ่มแนวโน้มยอดขายและผลกำไรจากการดำเนินงานในปี 2565 ขณะที่หุ้นคอมพาสส์ กรุ๊ปของอังกฤษ พุ่งขึ้น 7.4% หลังปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ประจำปี
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากการที่สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ชะลอการขยายตัวลงอย่างมากในเดือนเม.ย. เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินลดลงจากระดับสูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อในสหรัฐอาจแตะระดับสูงสุดแล้ว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 พ.ค. 65)
Tags: ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นยุโรป