ดีอี ชูศก.ดิจิทัลขับเคลื่อนประเทศ หนุนคนไทยทำแอปฯ อีคอมเมิร์ซสู้ต่างชาติ

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยในงานสัมมนา Thailand 2024 : The Great Challenges เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส ว่า เศรษฐกิจดิจิทัลเป็นเรื่องสำคัญ มองภาพเศรษฐกิจธรรมดาว่าจะโตได้ 2.5-3% แต่เศรษฐกิจดิจิทัลจะทำให้เศรษฐกิจโตได้ไม่น้อยกว่า 15% และอาจก้าวไปถึง 30% โดยจะเห็นได้จากในช่วงโควิด-19 สิ่งที่ทำให้ผ่านพ้นไปได้คือเทคโนโลยีดิจิทัล

ในส่วนของการลดขั้นตอนต่างๆ ก็ต้องใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วย กระทรวงดีอี จึงได้แปลงเป็นนโยบายเครื่องยนต์เครื่องที่ 5 ของประเทศ เพื่อขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลงประเทศ โดยมีประเด็นสำคัญ 3 ประการ คือ

1. การเปลี่ยนจากการบริหารปัจจุบัน เป็นรัฐบาลดิจิทัล One Stop Service, National ID วางโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล เพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันของไทยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล โดยรัฐบาลเริ่มโครงการ Cloud First Policy มารวมกัน เพื่อลดความซับซ้อนและค่าใช้จ่าย ซึ่ง Cloud ที่กระจัดกระจายในภาครัฐนั้นมีไม่น้อยกว่า 15,000 ล้านบาท ซึ่งถ้านำมารวมกันอาจจะเป็นใน Cloud ธนาคาร หรือกระทรวงดีอี จะสามารถลดรายจ่ายไม่น้อยกว่า 30%

2. ลดช่องว่าง Open Data เปิดข้อมูลให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลของรัฐบาลได้ และสร้างความมั่นคงในเรื่องข้อมูล โดยกระทรวงดีอีมีศูนย์ One Stop Service ปิดบัญชีม้าในนาทีเดียว

3. สร้างคนให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ซึ่งในภาครัฐมีบุคลากรด้านดิจิทัลแค่ 0.5% เท่านั้น

  • หนุนคนไทยสร้างแอปฯ อีคอมเมิร์ซ สู้ต่างชาติ

ส่วนเรื่องอีคอมเมิร์ซ นายประเสริฐ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ควรส่งเสริมให้มีอีคอมเมิร์ซเป็นของคนไทยเอง เนื่องจากเป็นเรื่องความมั่นคงของข้อมูล ซึ่งปัจจุบันแม้ไทยมีแต่ยังไม่เป็นที่นิยมและการพัฒนายังสู้ไม่ได้ ดังนั้น สิ่งที่อยากเห็นหลังจากนี้ คือคนไทย 66 ล้านคน ต้องอยู่ในแอปฯ ของไทยไม่น้อยกว่า 55 ล้านคน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ

ทั้งนี้ หากเกิดแอปฯ ของคนไทยเองขึ้นมาแล้ว นโยบายต่างๆ เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต และการให้บริการจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่า ประกันสังคม เป็นต้น ก็จะอยู่ในนั้นทั้งหมด สำหรับปีนี้จะได้เห็น จะได้ใช้หรือไม่นั้น ตอนนี้อยู่ระหว่างการทำความเข้าใจกับกรมการปกครอง one id หรือ super app โดยจะต้องมีโครงสร้างพื้นฐานคือ Cloud first policy

“ตอนนี้ ได้ตรวจสอบหน่วยงานภาครัฐแล้ว 300 หน่วยงาน บางแห่งพบการรั่วไหลข้อมูล และได้สั่งให้มีการแก้ไขแล้ว รวมถึงขยายผลไปยังภาคเอกชนด้วย super app คือต้องมี National ID ในแอป เรื่องการจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ สุขภาพ การศึกษา ต้องอยู่ในนี้ทั้งหมด ซึ่งจะเก็บไว้ใน Cloud เดียวทั้งหมด มีระบบสำรองการโจมตี เป็นระบบที่มีความมั่นคงปลอดภัยสูง” นายประเสริฐ กล่าว

ส่วนเรื่องการซื้อสินค้าไม่ตรงปก กระทรวงดีอีได้มีการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ว่า หลังจากที่สั่งสินค้าไปแล้ว ให้ชะลอการจ่ายเงินไว้ 7 วันก่อนโอนให้ผู้ขาย เพื่อให้สามารถเช็คของได้ก่อน ซึ่งอยู่ระหว่างการทำประกาศจาก สคบ. โดยคาดว่าจะประกาศได้ในปีนี้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ม.ค. 67)

Tags: , , ,