ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 100 จุด บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวลงต่อเนื่องจากวานนี้
ณ เวลา 18.04 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 132 จุด หรือ 0.38% สู่ระดับ 34,686 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 0.19% เมื่อคืนนี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ปิดในแดนบวก โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
หากพิจารณาตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ดาวโจนส์ดิ่งลง 1.75% ซึ่งเป็นการร่วงลงรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. ขณะที่ดัชนี S&P 500 ลบ 1.4% ดิ่งลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.เช่นกัน และดัชนี Nasdaq ทรุดตัวลง 1.9% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.
ทั้งนี้ นักลงทุนกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เร็วกว่าที่คาดไว้ หลังจากที่รายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.ของเฟดระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่เห็นพ้องที่จะเริ่มปรับลดวงเงิน QE ในปีนี้
ปัจจุบัน เฟดซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE อย่างน้อย 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน โดยเฟดซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 80,000 ล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ในวงเงิน 40,000 ล้านดอลลาร์
นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส กล่าวก่อนหน้านี้ว่า เฟดควรทำการประกาศในเดือนหน้าเกี่ยวกับไทม์ไลน์ในการปรับลดวงเงิน QE และเริ่มทำการปรับลด QE ในเดือนต.ค.
คำกล่าวของนายแคปแลนสอดคล้องกับถ้อยแถลงของนายริชาร์ด แคลริดา รองประธานเฟด ที่ได้ส่งสัญญาณว่า เฟดจะปรับลดวงเงิน QE ภายในปีนี้ ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 ขณะที่นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการของเฟด กล่าวเช่นกันว่า เฟดควรจะเริ่มปรับลดวงเงิน QE ภายในเดือนต.ค.
นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค. โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงิน QE ในการประชุมดังกล่าว
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่โกลด์แมน แซคส์ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 3 เหลือ 5.5% จากเดิมที่ระดับ 9% โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐจะพุ่งขึ้นสูงกว่าคาดในช่วงที่เหลือของปีนี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ส.ค. 64)
Tags: ดาวโจนส์, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นนิวยอร์ก