ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงในวันอังคาร (12 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า แนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อในสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปีในเดือนมี.ค.นั้น ได้ถ่วงหุ้นกลุ่มเติบโตลงสู่แดนลบ ขณะที่หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์และกลุ่มการเงินปรับตัวลงด้วย
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,220.36 จุด ลดลง 87.72 จุด หรือ -0.26%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,397.45 จุด ลดลง 15.08 จุด หรือ -0.34%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,371.57 จุด ลดลง 40.38 จุด หรือ -0.30%
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดลบ โดยกลุ่มการเงินลดลงมากที่สุด 1.07% ขณะที่กลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นมากที่สุด 1.72% สวนทางตลาด โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้น
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลง หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 8.5% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2524 และใกล้เคียงตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 8.4%
นอกจากนี้ ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 1.2% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นรายเดือนมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2548 และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ขณะเดียวกัน ดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 6.5% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2525 และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่นางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟดได้ระบุย้ำถึงความจำเป็นที่เฟดจะต้องเร่งดำเนินการเพื่อจัดการกับภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบหลายสิบปี
บรรดานักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทจดทะเบียนในปลายสัปดาห์นี้ โดยเริ่มจากธนาคารรายใหญ่
นักวิเคราะห์ได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทที่รวมอยู่ในดัชนี S&P500 โดยคาดว่าการขยายตัวของผลประกอบการเมื่อเทียบเป็นรายปีจะอยู่ที่ 6.1% ลดลงจาก 7.5% ในช่วงต้นปี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 เม.ย. 65)
Tags: ดาวโจนส์, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นนิวยอร์ก