ดาวโจนส์ปิดลบ 76.47 จุด นลท.จับตาตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (3 ธ.ค.) โดยดาวโจนส์ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ท่ามกลางการซื้อขายที่เป็นไปอย่างระมัดระวัง ก่อนที่จะมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานของสหรัฐฯ ส่วนดัชนี Nasdaq และ S&P500 ยังคงปิดทำนิวไฮ โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

  • ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,705.53 จุด ลดลง 76.47 จุด หรือ -0.17%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,049.88 จุด เพิ่มขึ้น 2.73 จุด หรือ +0.05% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,480.91 จุด เพิ่มขึ้น 76.96 จุด หรือ +0.40%

พอล นอลเต้ นักกลยุทธ์ด้านการตลาดจากบริษัท Murphy & Sylvest กล่าวว่า นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะมีการเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญ ซึ่งรวมถึงดัชนีภาคบริการเดือนพ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ย.จาก ADP ซึ่งจะมีการรายงานในวันนี้ และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.ซึ่งจะรายงานในวันศุกร์

นักลงทุนซึมซับการแสดงความเห็นล่าสุดของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก และ ราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา ต่างก็ส่งสัญญาณชัดเจนว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า แต่ไม่ชี้ชัดว่าจะสนับสนุนให้เฟดปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. นี้หรือไม่

ขณะที่คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในสมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการเฟดกล่าวว่า เขามีแนวโน้มที่จะโหวตสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. นี้ แต่ข้อมูลเศรษฐกิจที่จะมีการเปิดเผยก่อนหน้านั้นอาจทำให้เฟดตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันดังกล่าว ซึ่งข้อมูลเหล่านั้นรวมถึงตัวเลขจ้างงาน

สำหรับข้อมูลแรงงานที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน เพิ่มขึ้น 372,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 7.744 ล้านตำแหน่งในเดือนต.ค. ส่วนตัวเลขปลดออกจากงานลดลง 169,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2566

หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคร่วงลง 0.88% และหุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวลง 0.75% ส่วนหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น 1.12% และ 0.56% ตามลำดับ

หุ้นเทสลา (Tesla) ร่วงลง 1.6% หลังจากมีรายงานว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของเทสลาที่ผลิตในประเทศจีนปรับตัวลง 4.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ระดับ 78,856 คันในเดือนพ.ย.

หุ้นของบริษัทเกาหลีใต้ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลง โดย iShares MSCI South Korea ETF ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวของบริษัทขนาดใหญ่และขนาดกลางของเกาหลีใต้จำนวนมากกว่า 90 แห่ง ร่วงลง 1.6% หลังจากยุน ซอกยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ประกาศกฎอัยการศึกเมื่อช่วงค่ำวานนี้ ซึ่งสร้างความวิตกเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมืองในเกาหลีใต้ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ที่ประชุมรัฐสภาเกาหลีใต้มีมติคว่ำการประกาศกฎอัยการศึกของปธน.ยุน

ตลาดหลักทรัพย์เกาหลีใต้ประกาศว่าจะจัดการประชุมฉุกเฉินเพื่อเตรียมออกมาตรการรองรับ หลังเกิดความปั่นป่วนทางการเมือง จากการที่ปธน.ยุนประกาศกฎอัยการศึก โดยทางตลาดจะทำการตัดสินใจว่าจะเปิดซื้อขายหุ้นในวันนี้ (4 ธ.ค.) หรือไม่

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ธ.ค. 67)

Tags: , , ,