ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (9 ส.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงกว่า 2% นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาอาจขัดขวางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและทั่วโลก
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,101.85 จุด ลดลง 106.66 จุด หรือ -0.30%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,432.35 จุด ลดลง 4.17 จุด หรือ -0.09%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,860.18 จุด เพิ่มขึ้น 24.42 จุด หรือ +0.16%
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวลง นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 1.48% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงกว่า 2% เมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากความกังวลที่ว่าการที่หลายประเทศซึ่งรวมถึงจีน ประกาศใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลาตา จะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
ทั้งนี้ หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ร่วงลง 2.94% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ร่วงลง 1.86% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ดิ่งลง 1.14% หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 1.67% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 1.6%
หุ้นกลุ่มเรือสำราญและกลุ่มสายการบินต่างก็ปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตาอาจทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นไปอย่างล่าช้า โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ร่วงลง 2.19% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ดิ่งลง 2.46% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ร่วงลง 2.55% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ร่วงลง 1.58% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ ดิ่งลง 1.98%
หุ้นนอร์วีเจียน ครูส ไลน์ โฮลดิ้งส์ ปรับตัวลง 0.92% หลังจากผู้พิพากษาศาลเขตไมอามีของสหรัฐประกาศคำพิจารณาเบื้องต้นโดยระบุว่า บริษัทนอร์วีเจียน ครูส ไลน์ โฮลดิ้งส์ สามารถกำหนดให้ผู้โดยสารต้องแสดงเอกสารยืนยันว่าได้รับการฉีดวัคซีนแล้วก่อนที่จะขึ้นเรือสำราญของบริษัทได้
หุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพปรับตัวลง โดยหุ้นอิไล ลิลลี่ (Eli Lilly) ร่วงลง 1.37% หุ้น Abbvie ลดลง 0.34% หุ้นเอชซีเอ เฮลธ์แคร์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการโรงพยาบาลรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ปรับตัวลง 0.59%
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 1.30% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ บวก 0.51% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดีดขึ้น 1.3% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ เพิ่มขึ้น 1.01% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ปรับตัวขึ้น 0.63%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) ซึ่งพบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน พุ่งขึ้น 590,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 10.1 ล้านตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในเดือนธ.ค.2543 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 9.27 ล้านตำแหน่ง
นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ในวันพุธ และจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ในวันพฤหัสบดี
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนก.ค.จากสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB), ผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยในไตรมาส 2/2564, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนส.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ส.ค. 64)
Tags: Nasdaq, S&P500, ดาวโจนส์, ตลาดหุ้นนิวยอร์ก