ดาวโจนส์ปิดร่วง 537.36 จุด, S&P500 ปรับฐาน ผวาสงครามการค้า

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 500 จุดในวันพฤหัสบดี (13 มี.ค.) ส่วนดัชนี S&P500 เข้าสู่เขตปรับฐาน (Correction Territory) แล้ว เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้ารายใหญ่จะก่อให้เกิดเงินเฟ้อและฉุดรั้งเศรษฐกิจให้เข้าสู่ภาวะถดถอย

  • ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 40,813.57 จุด ลดลง 537.36 จุด หรือ -1.30%,
  • ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,521.52 จุด ลดลง 77.78 จุด หรือ -1.39% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,303.01 จุด ลดลง 345.44 จุด หรือ -1.96%

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ขณะที่ดัชนี S&P500 ดิ่งลงเกือบ 4% และปรับตัวลง 10.1% จากระดับปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้เมื่อวันที่ 19 ก.พ. ซึ่งเป็นการยืนยันว่าขณะนี้ดัชนี S&P500 ได้เข้าสู่เขตปรับฐานแล้ว และสะท้อนให้เห็นว่าบรรยากาศการซื้อขายในตลาดได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากดัชนี S&P500 ได้รับการยอมรับเป็นวงกว้างว่าเป็นดัชนีชี้วัดที่ดีที่สุดของบริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ และสามารถชี้วัดผลงานโดยรวมของตลาดหุ้นนิวยอร์ก

การปรับฐานของดัชนี S&P500 ซึ่งเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากดัชนี Nasdaq เข้าสู่เขตปรับฐานเมื่อวันที่ 6 มี.ค.นั้น สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนมีความวิตกกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า โดยล่าสุดสหภาพยุโรป (EU) ประกาศเรียกเก็บภาษีวิสกี้ที่นำเข้าจากสหรัฐฯ ในอัตรา 50% เพื่อตอบโต้สหรัฐฯ ที่เรียกเก็บภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมจากยุโรป ซึ่งส่งผลให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ผ่านทางแพลตฟอร์ม Truth Social ว่าจะรียกเก็บภาษีผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์และไวน์นำเข้าจาก EU สูงถึง 200%

หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารดิ่งลง 2.67% ตามด้วยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยร่วงลง 2.58% ส่วนหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคดีดตัวขึ้น 0.27%

หุ้นกลุ่มขนส่งในดัชนีดาวโจนส์ (Dow Jones Transportation Index) ซึ่งเป็นมาตรวัดสุขภาพทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ปิดตลาดร่วงลง 18.9% จากระดับปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2567 โดยหากดัชนีปรับตัวลง 20% จากระดับดังกล่าวก็จะเป็นการยืนยันว่าหุ้นกลุ่มขนส่งในดัชนีดาวโจนส์เข้าสู่ภาวะตลาดหมี

หุ้นอะโดบี (Adobe) ร่วงลง 13.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์รายได้ที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

หุ้นอินเทล (Intel) พุ่งขึ้น 14.6% ขานรับรายงานที่ว่า อินเทลประกาศแต่งตั้ง ลิป-บู ตัน (Lip-Bu Tan) เป็นซีอีโอคนใหม่ เพื่อพลิกฟื้นกิจการของอินเทล หลังจากบริษัทประสบปัญหาในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาภายใต้การนำของแพต เกลซิงเกอร์ อดีตซีอีโอ

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ปรับตัวขึ้น 3.2% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี ชะลอตัวลงจากเดือนม.ค.ที่เพิ่มขึ้น 3.7% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.3% และดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.4% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี ชะลอตัวลงจากเดือนม.ค.ที่เพิ่มขึ้น 3.8% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.6%

ส่วนตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐฯ ลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 220,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 226,000 ราย

นักลงทุนจับตาการพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (ชัตดาวน์) ในวุฒิสภาสหรัฐฯ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะต้องส่งให้ปธน.ทรัมป์ลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายภายในวันนี้ (14 มี.ค.) เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 มี.ค. 68)

Tags: , , ,