ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 300 จุดในวันอังคาร (16 พ.ค.) หลังจากโฮม ดีโปท์ ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง และสหรัฐเปิดเผยรายงานยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ ซึ่งบ่งชี้ว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐอ่อนแอลง นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการเจรจาปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐที่ยังไม่บรรลุผล
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ 33,012.14 จุด ร่วงลง 336.46 จุด หรือ -1.01%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,109.90 จุด ลดลง 26.38 จุด หรือ -0.64% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,343.05 จุด ลดลง 22.16 จุด หรือ -0.18%
หุ้นโฮม ดีโปท์ ร่วงลง 2.15% และเป็นหนึ่งในปัจจัยฉุดตลาด หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ 3.726 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงเดือนก.พ.-เม.ย. ซึ่งเป็นไตรมาส 1 ของปีงบการเงิน 2566 โดยตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.828 หมื่นล้านดอลลาร์ และเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าการคาดการณ์มากที่สุดในรอบกว่า 20 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2545
นอกจากนี้ โฮม ดีโปท์ ยังคาดการณ์ว่า ยอดขายในปีงบการเงิน 2566 จะลดลง 2-5% พร้อมระบุว่าธุรกิจของบริษัทได้รับผลกระทบจากการที่ผู้บริโภคชะลอการเปิดตัวโครงการใหญ่ และลดการซื้อสินค้าราคาแพง รวมทั้งถูกกระทบจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนเม.ย. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.8% หลังจากร่วงลง 0.7% ในเดือนมี.ค.
ผลประกอบการที่ย่ำแย่ของโฮม ดีโปท์ และรายงานยอดค้าปลีกที่ต่ำกว่าคาดของสหรัฐสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจชะลอตัวลงหลังจากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ปัจจัยดังกล่าวยังได้ฉุดหุ้นบริษัทค้าปลีกดิ่งลงอย่างหนัก โดยหุ้นวอลมาร์ท ดิ่งลง 1.38% หุ้นทาร์เก็ต ร่วงลง 2.28% หุ้นโลว์ส (Lowe’s) ร่วงลง 1.16%
ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการแสดงความคิดเห็นล่าสุดของเจ้าหน้าที่เฟด โดยนายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตากล่าวว่า เขาคาดว่าเฟดจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เนื่องจากเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะปรับตัวอยู่ในระดับสูงนานกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ขณะที่นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์กกล่าวว่า เฟดสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหากเงินเฟ้อไม่ได้ปรับตัวลง และเขายังมองไม่เห็นเหตุผลในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ และนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ส่งสัญญาณว่า เธอสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อต่อไป
หุ้นโฮไรซอน เทอราพิวติกส์ (Horizon Therapeutics) ซึ่งเป็นบริษัทชีวเวชภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ ทรุดตัวลง 14.17% หลังจากคณะกรรมการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FTC) ประกาศคัดค้านการให้บริษัทแอมเจน อิงค์ (Amgen Inc) เข้าซื้อกิจการโฮไรซอน เทอราพิวติกส์ ในวงเงิน 2.78 หมื่นล้านดอลลาร์
ข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้นแอมเจน ดิ่งลง 2.42% และฉุดหุ้นบริษัทเฮลธ์แคร์รายอื่น ๆ ร่วงลงด้วย โดยหุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ กรุ๊ป ร่วงลง 1.47% หุ้นแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส ลดลง 0.41% หุ้นบริสตอล-ไมเยอร์ส สควิบบ์ ร่วงลง 1.69%
นักลงทุนจับตาผลการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ รวมทั้งแกนนำในสภาคองเกรส ซึ่งทั้งสองฝ่ายหารือกันเป็นรอบที่ 2 เกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ
นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้ส่งจดหมายฉบับที่ 2 ถึงสภาคองเกรสเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาเพื่อเน้นย้ำว่า สหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ หากสภาคองเกรสไม่อนุมัติการขยายเพดานหนี้ โดยเตือนว่าการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจของสหรัฐและทั่วโลก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 พ.ค. 66)
Tags: dowjones, ดาวโจนส์, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นนิวยอร์ก