ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทเอกชนและการใช้จ่ายของผู้บริโภค นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการซื้อขายก่อนที่ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงเจพีมอร์แกน เชส
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,496.06 จุด ลดลง 250.19 ขุด หรือ -0.72%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,361.19 จุด ลดลง 30.15 จุด หรือ -0.69%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,486.20 จุด ลดลง 93.34 จุด หรือ -0.64%
นีล เบเวอร์ริดจ์ นักวิเคราะห์จากบริษัทแบร์สเติร์นกล่าวว่า การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันซึ่งส่งผลให้ต้นทุนด้านพลังงานสูงขึ้นด้วยนั้น เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอดีตที่ผ่านมา และเหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดซ้ำรอยหากราคาน้ำมันยังพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันที่สูงขึ้นนั้นจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทเอกชน และบั่นทอนการใช้จ่ายของผู้บริโภค
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการที่โกลด์แมน แซคส์ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐในปี 2564 ลงสู่ระดับ 5.6% จากระดับ 5.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี และปรับลด GDP ในปี 2565 ลงสู่ระดับ 4% จากระดับ 4.4% โดยระบุว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐมีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ อันเนื่องมาจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มการสื่อสารร่วงลง 1.45% โดยหุ้นทวิตเตอร์ ดิ่งลง 2.47% หุ้นสแนป ร่วงลง 1.95% หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 1.39% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ลดลง 0.89% หุ้นพินเทอเรสต์ ร่วงลง 1.34%
ดัชนีกลุ่มสาธารณูปโภคร่วงลง 1.34% โดยหุ้นพีจีแอนด์อี คอร์ปอเรชั่น ดิ่งลง 5.23% หุ้นพอร์ทแลนด์ เจเนอรัล อิเล็กทริก ร่วงลง 2.13% หุ้นเอ็กเซลอน คอร์ปอเรชั่น ร่วงลง 1.61%
หุ้นกลุ่มพลังงานอ่อนแรงลงหลังจากที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในระหว่างวัน โดยหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ร่วงลง 1.27% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ลดลง 1% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.01% หุ้นเชฟรอน ลดลง 0.87%
ดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินร่วงลง 1% ก่อนที่ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ โดยหุ้นมาสเตอร์การ์ด ร่วงลง 2.20% หุ้นวีซ่า ร่วงลง 2.24% หุ้นหุ้นเจพีมอร์แกน ร่วงลง 2.09% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดิ่งลง 1.92% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 1.26% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ดิ่งลง 2.74%
ทั้งนี้ เจพีมอร์แกนมีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3/2564 ในวันพุธนี้ ส่วนโกลด์แมน แซคส์, แบงก์ ออฟ อเมริกา, มอร์แกน สแตนลีย์, เวลส์ ฟาร์โก และซิตี้ กรุ๊ป จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนส.ค., อัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย., รายงานการประชุมเดือนก.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย., ยอดค้าปลีกเดือนก.ย., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนต.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนส.ค.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ต.ค. 64)
Tags: Nasdaq, S&P500, ดาวโจนส์, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นนิวยอร์ก