ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดในวันพุธ (13 เม.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นเติบโต (Growth Stocks) เช่น หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และจากการที่นักลงทุนปรับตัวรับข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐ
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,564.59 จุด เพิ่มขึ้น 344.23 จุด หรือ +1.01%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,446.59 จุด เพิ่มขึ้น 49.14 จุด หรือ +1.12%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,643.59 จุด เพิ่มขึ้น 272.02 จุด หรือ +2.03%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงสู่ระดับ 2.688% เมื่อคืนนี้ และเป็นปัจจัยหนุนหุ้นเติบโตซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย รวมถึงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร โดยหุ้นแอมะซอน พุ่งขึ้น 3.15% หุ้นทวิตเตอร์ พุ่งขึ้น 3.1% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 1.97% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ บวก 1.84% หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 1.63% หุ้นอัลฟาเบท บวก 1.71%
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐร่วงลง หลังจากนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐอาจจะมาถึงจุดพีคแล้ว โดยการแสดงความเห็นดังกล่าวมีขึ้นหลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งขึ้น 8.5% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2524 และใกล้เคียงตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 8.4%
หุ้นบริษัทผลิตชิปปรับตัวขึ้นตามทิศทางหุ้นบริษัทเทคโนโลยี โดยหุ้นอินวิเดีย พุ่งขึ้น 3.25% หุ้นควอลคอมม์ พุ่งขึ้น 3.24% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (AMD) พุ่งขึ้น 2.78% หุ้นอินเทล บวก 1.1%
หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นบาธ แอนด์ บอดี้ เวิร์คส์ พุ่งขึ้น 4.58% หุ้นราล์ฟ ลอเรน บวก 1.73% หุ้นไนกี้ พุ่งขึ้น 1.94%
หุ้นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการเดินทางพุ่งขึ้นขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของสายการบินเดลต้า แอร์ไลน์ โดยหุ้นเอ็กซ์พีเดีย (Expedia) ซึ่งให้บริการแพลตฟอร์มด้านการเดินทางออนไลน์ พุ่งขึ้น 4.88% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 6.21% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ทะยานขึ้น 10.62% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 5.64% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป พุ่งขึ้น 5.4% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูส พุ่งขึ้น 4.05%
อย่างไรก็ดี หุ้นเจพีมอร์แกน ร่วงลง 3.18% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 8.28 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.63 ดอลลาร์ต่อหุ้น ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 1.43 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 4.50 ดอลลาร์ต่อหุ้น และน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.69 ดอลลาร์ต่อหุ้น
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต เพิ่มขึ้น 11.2% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการจัดทำดัชนี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 10.6%
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนมี.ค., ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนมี.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนเม.ย.จากเฟดนิวยอร์ก และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 เม.ย. 65)
Tags: ดาวโจนส์, ตลาดหุ้นนิวยอร์ก