ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (7 ต.ค.) ขานรับข่าววุฒิสภาสหรัฐบรรลุข้อตกลงเพิ่มเพดานหนี้ รวมทั้งการเปิดเผยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐที่ลดลงมากที่สุดในรอบ 3 เดือน โดยปัจจัยบวกดังกล่าวช่วยหนุนแรงซื้อหุ้นเป็นวงกว้าง ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.ของสหรัฐในวันนี้
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,754.94 จุด เพิ่มขึ้น 337.95 จุด หรือ +0.98%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,399.76 จุด เพิ่มขึ้น 36.21 จุด หรือ +0.83%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,654.02 จุด เพิ่มขึ้น 152.10 จุด หรือ +1.05%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นหลังจากนายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาจากพรรคเดโมแครตประกาศว่า แกนนำของพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันสามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐจนถึงต้นเดือนธ.ค. ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลสหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ในเดือนนี้
ทั้งนี้ แม้ว่านายชูเมอร์ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดว่าข้อตกลงดังกล่าวมีการระบุวงเงินเพดานหนี้หรือไม่ หรือระบุแต่เพียงการขยายเวลาออกไป แต่ผู้ช่วยวุฒิสมาชิกรายหนึ่งเปิดเผยว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐอีก 4.80 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 28.9 ล้านล้านดอลลาร์ จากปัจจุบันที่ระดับ 28.4 ล้านล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานของสหรัฐลดลง 38,000 ราย สู่ระดับ 326,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 2 ต.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในรอบ 3 เดือนหรือนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 345,000 ราย
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย (Consumer Discretionary) พุ่งขึ้น 1.5% โดยหุ้นราล์ฟ ลอเรน ปรับตัวขึ้น 1.68% หุ้น LVMH เจ้าของแบรนด์หลุยส์ วิตตอง พุ่งขึ้น 2.1% หุ้นไนกี้ ดีดขึ้น 2.05% หุ้นคาปรี โฮลดิ้งส์ซึ่งเป็นบริษัทที่เกิดจากการควบรวมกิจการระหว่างไมเคิล คอร์ส โฮลดิ้งส์ และจิอันนี เวอร์ซาเช่ ทะยานขึ้น 5.14% หุ้นบาธ แอนด์ บอดี้ เวิร์คส์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแบรนด์ชุดชั้นในชื่อดัง “วิคตอเรีย ซีเครท” พุ่งขึ้น 2.28%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้รับแรงซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นแอมะซอน พุ่งขึ้น 1.24% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 1.21% หุ้นแอปเปิล บวก 0.91% หุ้นไมโครซอฟท์ บวก 0.59% หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 1.81% หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 1.39%
หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจเช่นหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มค้าปลีกดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นโบอิ้ง ปรับตัวขึ้น 0.65% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) บวก 1.13% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ พุ่งขึ้น 2.03% หุ้นวอลมาร์ท เพิ่มขึ้น 1.18% หุ้นโฮมดีโปท์ พุ่งขึ้น 2.16% หุ้นทาร์เก็ต เพิ่มขึ้น 1.32%
หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค พุ่งขึ้น 1.59% ขานรับข่าวนานาประเทศสั่งซื้อยาโมลนูพิราเวียร์ (molnupiravir) จากเมอร์ค ซึ่งรวมถึงสิงคโปร์และออสเตรเลีย หลังจากบริษัทเปิดเผยผลการทดลองระบุว่า ยาโมลนูพิราเวียร์มีประสิทธิภาพในการต้านไวรัสโควิด-19 ทุกสายพันธุ์ ซึ่งรวมถึงสายพันธุ์เดลตา และยังสามารถลดความเสี่ยงในการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลหรือการเสียชีวิตลงได้มากถึง 50% สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง
หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นเนื่องจากนักลงคลายความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ โดยหุ้นอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และหุ้นเทนเซนต์ โฮลดิ้งส์ ปรับตัวขึ้นราว 8%
นักลงทุนจับตาสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ในวันนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใช้ในการพิจารณาการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของ FactSet คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 475,000 ตำแหน่ง ซึ่งดีกว่าในเดือนส.ค.ที่เพิ่มขึ้นเพียง 235,000 ตำแหน่ง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ต.ค. 64)
Tags: Nasdaq, S&P500, ดาวโจนส์, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นนิวยอร์ก