ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (24 มิ.ย.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮ ขานรับข่าวทำเนียบขาวบรรลุข้อตกลงกับสภาคองเกรสในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานในสหรัฐ โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมพุ่งขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นขานรับรายงานที่ว่า ธนาคารรายใหญ่ 23 แห่งของสหรัฐสามารถผ่านการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test)
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,196.82 จุด เพิ่มขึ้น 322.58 จุด หรือ +0.95%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,266.49 จุด เพิ่มขึ้น 24.65 จุด หรือ +0.58%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,369.71 จุด เพิ่มขึ้น 97.98 จุด หรือ +0.69%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นหลังจากทำเนียบขาวสามารถบรรลุข้อตกลงกับสภาคองเกรสในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานในสหรัฐ ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวซึ่งรวมถึงการใช้จ่ายงบประมาณครั้งใหม่วงเงิน 5.79 แสนล้านดอลลาร์ด้วยนั้น จะครอบคลุมถึงโครงการสร้างถนน สะพาน ทางรถไฟ ปัจจัยพื้นฐานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และโครงการอื่นๆ
ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมพุ่งขึ้น โดยหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องมือด้านการก่อสร้าง พุ่งขึ้น 2.6% หุ้นโบอิ้ง ทะยานขึ้น 2.87% หุ้น 3M บวก 0.41% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) พุ่งขึ้น 1.54% หุ้นฮันนีเวลล์ บวก 1.41%
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยผลการทดสอบ Stress Test โดยระบุว่า ธนาคารรายใหญ่ 23 แห่งของสหรัฐผ่านการทดสอบดังกล่าว ซึ่งจะเปิดทางให้ธนาคารเหล่านี้สามารถกลับมาจ่ายเงินปันผลและซื้อคืนหุ้นได้อีกครั้ง ทั้งนี้ หุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 2.06% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดีดขึ้น 1.59% หุ้นเจพีมอร์แกน บวก 0.93% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 1.41% หุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 2.43%
เฟดระบุว่า ธนาคารที่ผ่านการทดสอบ Stress Test จะสามารถกลับมาจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในระดับปกติ และกลับมาซื้อคืนหุ้นได้อีกครั้งตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย. แต่หากธนาคารแห่งใดไม่ผ่านการทดสอบ ก็จะต้องรอจนถึงวันที่ 30 ก.ย. และอาจเผชิญกับมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น โดยการทดสอบ Stress Test มีวัตถุประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงการนำเงินภาษีของประชาชนมาอุ้มธนาคารต่างๆ เหมือนในช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินปี 2550-2552
หุ้นกลุ่มธุรกิจบล็อกเชนฟื้นตัวขึ้น หลังจากบริษัท Ark Investment Management ซึ่งบริหารงานโดยนางเคธี วูด ได้เพิ่มการซื้อหุ้นในบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับบิตคอยน์ซึ่งได้แก่บริษัท Grayscale Bitcoin Trust และบริษัท Coinbase เนื่องจากเชื่อมั่นว่าราคาบิตคอยน์ยังคงมีทิศทางที่สดใส โดยหุ้น Coinbase พุ่งขึ้น 3.83% หุ้น Riot Blockchain พุ่งขึ้น 4.74% หุ้น Grayscale Bitcoin Trust ทะยานขึ้น 6.55% หุ้น Silvergate Capital พุ่งขึ้น 7.16% หุ้น Marathon Digital พุ่งขึ้น 6.77%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 3.54% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี พุ่งขึ้น 1.97% หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 1.47% หุ้นเฟซบุ๊ก บวก 0.76% หุ้นไมโครซอฟท์ ปรับตัวขึ้น 0.53% หุ้นอัลฟาเบท บวก 0.31%
หุ้นอิไล ลิลลี (Eli Lilly) ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 7.31% หลังจากบริษัทประกาศว่าจะยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) เพื่อขออนุมัติใช้ยารักษาโรคอัลไซเมอร์ในปีนี้
อย่างไรก็ดี ข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้นไบโอเจนซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งของอิไล ลิลลี ร่วงลง 6.11% หลังจากที่ FDA เพิ่งให้การอนุมัติใช้ยา Aducanumab ซึ่งเป็นยารักษาโรคอัลไซเมอร์ของบริษัทไบโอเจน และทำให้ Aducanumab เป็นยาตัวแรกในรอบเกือบ 20 ปีที่ได้รับการอนุมัติจาก FDA สำหรับใช้ในการรักษาโรคอัลไซเมอร์ซึ่งเป็นโรคที่คร่าชีวิตชาวอเมริกันมากเป็นอันดับที่ 6
ทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการเมื่อคืนนี้ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2564 ขยายตัว 6.4% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังระบุด้วยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2563 หลังจากลดลง 0.8% ในเดือนเม.ย.
ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 7,000 ราย สู่ระดับ 411,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว จากระดับ 418,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 มิ.ย. 64)
Tags: Nasdaq, S&P500, ดาวโจนส์, ตลาดหุ้นนิวยอร์ก