ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (15 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมัน WTI ทะยานขึ้นกว่า 3% นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาด
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,814.39 จุด เพิ่มขึ้น 236.82 จุด หรือ +0.68%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,480.70 จุด เพิ่มขึ้น 37.65 จุด หรือ +0.85%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,161.53 จุด เพิ่มขึ้น 123.77 จุด หรือ +0.82%
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 3.81% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นกว่า 3% ขานรับสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 6 โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 3.64% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ 4.18% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวขึ้น 3.35% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 2.08%
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางปรับตัวขึ้นขานรับความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ดีดตัวขึ้น 1.68% หุ้น 3M บวก 1.01% หุ้นฮันนีเวลล์ เพิ่มขึ้น 0.68% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ปรับตัวขึ้น 0.88% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ดีดขึ้น 0.48% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป พุ่งขึ้น 1.36% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ เพิ่มขึ้น 1.01%
หุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 1.25% หลังจากโบอิ้งปรับเพิ่มคาดการณ์ความต้องการเครื่องบินพาณิชย์ในระยะยาว เนื่องจากเชื่อว่าอุตสาหกรรมการเดินทางภายในประเทศจะฟื้นตัวขึ้น หลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ โบอิ้งคาดการณ์ว่า ยอดจัดส่งเครื่องบินพาณิชย์ในช่วง 20 ปีข้างหน้าจะอยู่ที่ 43,610 ลำ คิดเป็นมูลค่า 7.2 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 500 ลำจากตัวเลขคาดการณ์เดิมซึ่งอยู่ที่ระดับ 43,110 ลำ ส่วนแนวโน้มในระยะ 10 ปีนั้น โบอิ้งคาดว่ายอดจัดส่งเครื่องบินจะอยู่ที่ 19,330 ลำ เพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์เดิมซึ่งอยู่ที่ระดับ 18,350 ลำ
หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ โดยหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 1.16% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับตัวขึ้น 0.75% หุ้นเจพีมอร์แกน เพิ่มขึ้น 0.68% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้น 1.28%
หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 1.68% หลังบริษัทประกาศแผนซื้อหุ้นคืนในวงเงินสูงถึง 6 หมื่นล้านดอลลาร์ และเพิ่มการจ่ายเงินปันผล
หุ้น Globalstar ซึ่งเป็นบริษัทสื่อสารผ่านดาวเทียมของสหรัฐ ปิดตลาดพุ่งขึ้น 6.29% หลังจากที่ดิ่งลงอย่างหนักในวันอังคาร อันเนื่องมาจากความผิดหวังที่ผลิตภัณฑ์ iPhone 13 ของบริษัทแอปเปิลไม่มีการใช้เทคโนโลยีสื่อสารผ่านระบบดาวเทียมตามที่ปรากฎในข่าวลือก่อนหน้านี้
ตลาดได้ปัจจัยบวกจากรายงานของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) พุ่งขึ้นสู่ระดับ 34.3 ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 18.0 จากระดับ 18.3 ในเดือนส.ค. โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวของคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน รวมทั้งความเชื่อมั่นของบริษัทในภาคการผลิต
นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 21-22 ก.ย.นี้ เพื่อหาสัญญาณการปรับลดวงเงิน QE และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนส.ค., ดัชนีการผลิตเดือนก.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ก.ย. 64)
Tags: Nasdaq, S&P500, ดาวโจนส์, ตลาดหุ้นนิวยอร์ก