ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มการเงิน ซึ่งเป็นหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี ภาวะการซื้อขายค่อนข้างผันผวน ขณะที่ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ เนื่องจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธุรกิจด้านสุขภาพและกลุ่มเทคโนโลยีเป็นปัจจัยฉุดตลาด
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,575.31 จุด เพิ่มขึ้น 45.86 จุด หรือ +0.13%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,202.04 จุด ลดลง 2.07 จุด หรือ -0.05%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,736.48 จุด ลดลง 12.26 จุด หรือ -0.09%
นักลงทุนคาดหวังว่าสหรัฐจะกลับมาเปิดเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบได้ในไม่ช้านี้ หลังจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐ เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ (30 พ.ค.) ว่า ประชากรสหรัฐเกินครึ่งได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้วอย่างน้อยหนึ่งโดส โดยผู้ใหญ่กว่า 62% ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อยหนึ่งโดส ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 12,663 รายในวันเสาร์ (29 พ.ค.) ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2563
หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มการเงินได้รับแรงหนุนจากความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 3.6% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 2.7% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ทะยานขึ้น 4.54% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส เพิ่มขึ้น 1.1% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 1.27% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 2.81%
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยไอเอชเอส มาร์กิตเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 62.1 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 60.5 ในเดือนเม.ย. ทั้งนี้ดัชนี PMI เดือนพ.ค.ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในเดือนพ.ค.2550 โดยได้แรงหนุนจากยอดคำสั่งซื้อใหม่ที่เพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับรายงานของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 61.2 ในเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้นจากเดือนเม.ย. ที่ระดับ 60.7 โดยได้รับแรงหนุนจากยอดคำสั่งซื้อใหม่ ยอดการผลิต และการจ้างงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เพื่อผลิตสินค้าให้ทันความต้องการที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มธุรกิจด้านสุขภาพร่วงลง หลังจากบริษัทแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส ปรับลดคาดการณ์ผลกำไรในปีงบการเงิน 2564 โดยระบุว่ารายได้จากการทดลองวัคซีนป้องกันโควิด-19 มีแนวโน้มลดลงเนื่องจากชาวอเมริกันจำนวนมากได้รับวัคซีนแล้ว ทั้งนี้ หุ้นแอ๊บบอต ดิ่งลง 9.31% หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ร่วงลง 2.2% หุ้นไฟเซอร์ ลดลง 0.59% หุ้นอิไล ลิลลี่ (Eli Lilly) ลดลง 0.68% หุ้นโนวาแว็กซ์ ร่วงลง 1.5%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงและเป็นปัจจัยฉุดตลาดเช่นกัน โดยหุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 0.91% หุ้นแอปเปิล ปรับตัวลง 0.26% หุ้นแอมะซอน ลดลง 0.14% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ลดลง 0.74% หุ้นอินเทล ปรับลง 0.4%
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ค.จาก ADP, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนพ.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนพ.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค. และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนเม.ย.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 มิ.ย. 64)
Tags: Nasdaq, S&P500, ดาวโจนส์, ตลาดหุ้นนิวยอร์ก