ดาวโจนส์ปิดบวก 269.24 จุด ทำนิวไฮวันที่ 2 ขานรับผลประชุมเฟด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (21 มี.ค.) โดยทั้งดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq ต่างก็ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 2 หลังจากผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มบริษัทผลิตชิปพุ่งขึ้นขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทไมครอน เทคโนโลยี

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,781.37 จุด เพิ่มขึ้น 269.24 จุด หรือ +0.68%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,241.53 จุด เพิ่มขึ้น 16.91 จุด หรือ +0.32% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,401.84 จุด เพิ่มขึ้น 32.43 จุด หรือ +0.20%

บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงหนุนจากการที่เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา และยังคงส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้กล่าวยืนยันในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่ออกมาสูงเกินคาดเมื่อไม่นานมานี้ ไม่ได้ทำให้เฟดเปลี่ยนแปลงมุมมองที่ว่าเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% อย่างค่อยเป็นค่อยไป แม้เส้นทางที่จะไปถึงเป้าหมายดังกล่าวอาจไม่ราบรื่นนักก็ตาม

ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากข้อมูลที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงอยู่ในทิศทางที่แข็งแกร่งในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 210,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 212,000 ราย

ทางด้านสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองพุ่งขึ้น 9.5% สู่ระดับ 4.38 ล้านยูนิตในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 3.95 ล้านยูนิต

หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมพุ่งขึ้น 1% และดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้น 0.85% ส่วนหุ้นที่ปรับตัวลงมากที่สุดคือหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค โดยดัชนีหุ้นกลุ่มดังกล่าวลดลง 0.21% ตามด้วยดัชนีหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารปรับตัวลง 0.17%

หุ้นบริษัทผลิตชิปพุ่งขึ้น นำโดยบริษัทไมครอน เทคโนโลยี ทะยานขึ้นกว่า 14% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขกำไรรายไตรมาสที่สูงเกินคาดและยังได้เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์รายได้ในไตรมาส 3 ที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

หุ้นบรอดคอม พุ่งขึ้น 5.6% หลังจากนักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ทีดี โคเวน (TD Cowen) ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นบรอดคอมขึ้นสู่ระดับ “Outperform” ขณะที่หุ้นอินวิเดีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นกว่า 1% ส่วนดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟีย (Philadelphia SE Semiconductor Index) พุ่งขึ้น 2.3%

หุ้นเรดดิต (Reddit) บริษัทโซเชียลมีเดียของสหรัฐ ปิดตลาดที่ระดับ 50.44 ดอลลาร์ หลังจากบริษัทนำหุ้นเข้าเทรดในตลาดหุ้นนิวยอร์กวันแรก โดยระดับปิดของหุ้นเรดดิตสูงกว่าราคาเสนอขายหุ้นต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ซึ่งอยู่ที่ 34 ดอลลาร์

หุ้นแอปเปิ้ล ร่วงลง 4.1% หลังจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐประกาศฟ้องบริษัทแอปเปิ้ล อิงค์ ในข้อหาละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดตลาด โดยระบุว่าทางบริษัทได้ผูกขาดตลาดสมาร์ทโฟนจนส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค ผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่น และบริษัทคู่แข่ง ขณะที่ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของบริษัทนับตั้งแต่ iPhone, Apple Watch ไปจนถึง Apple Pay ต่างก็สนับสนุนพฤติกรรมการผูกขาดของบริษัท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 มี.ค. 67)

Tags: , , ,